2011-09-29

ชีวิตอันแสนเศร้าของหนู

วันที่หนูถูกอุปถัมภ์



วันนั้นเป็นวันต้น ๆ เดือน ของเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2003 หนูและพี่ ๆ ของหนูอีกสองตัวถูกพามาที่ตลาดการเคหะ ถนนเทพประสิทธิ์  ซึ่งเป็นที่ ๆ ใคร ๆ ก็มาเดินซื้อของในวันหยุด  หนูจำไม่ได้ว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของหนูและ พี่ สาวของหนูอีกสองตัว เป็นใคร ชื่ออะไร ส่วนตัวหนูเองก็ไม่มีประวัติที่แน่นอน ไม่มีสูจิบัตรด้วยค่ะ ตอนนั้นหนูอายุ ประมาณ หนึ่งเดือน ตัวเล็กมาก หนูนอนขดตัวอยู่ในกรง ในขณะที่พี่ ๆ ของหนูเดินไปเดินมาอยู่ในกรงเดียวกัน ในตลาดนี้มีสัตว์เลี้ยงขายมากมาย มีสุนัขทุกพันธุ์ มีแมว มีนก มีกระต่าย มีทุกอย่าง หนูไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเหมือนอาทิตย์ที่แล้ว เพราะครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่หนูถูกพามาที่นี่ แต่ความทหนูตัวเล็กไม่มีใครสนใจหนูเลย เจ้าของก็พาหนูกลับบ้านไปเหมือนเดิม




วันนี้หนูตื่นเต้นนิดหน่อย ในตอนแรก เพราะเริ่มมีผู้คนมามุงดูเราบ้าง แต่หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เราทั้งสามตัวก็ยังไม่มีใครสนใจจะรับเลี้ยงดูอย่างจริงจัง มีอยู่คนหนึ่ง ดูท่าทางสนใจพี่สาวหนูเป็นพิเศษ เขาเป็นชายหนุ่มวัยประมาณ 20 ต้น ๆ เขาขออุ้มพี่สาวหนู และต่อรองราคาแล้วก็ทำท่าคิด แต่ก็วางพี่สาวหนูลง บอกว่า 2000 บาท แพงไป ขอคิดดูก่อน แล้วเดินจากไป

เจ้าของหนูเขาก็เริ่มบ่นกับแฟนว่าไม่อยากเอากลับไป อยากขาย ๆ ไปให้หมด เพราะที่บ้านเขาก็มีสุนัขเยอะแยะไปหมดแล้ว
ถูกหน่อย ก็ขาย ๆ ไปเถอะพี่ จะได้รีบกลับบ้าน เสียงพี่ผู้หญิงที่เป็นแฟนเขาออกความเห็น ท่าทางเธอจะเบื่อ ๆ อยู่เหมือนกันยิ่งดึก ก็ยิ่งมีคนมาต่อรองราคาถูกลงไปเรื่อย ๆ

ในที่สุด พี่สาวหนูทั้งสองตัวก็มีคนมาเลือกไป หนูใจหายวาบเมื่อเห็นพี่ถูกอุ้มออกไปจากกรงทีละตัว หนูรู้ว่าเราคงไม่มีวันได้เจอกันอีก แต่หนูก็ดีใจที่พี่ ๆ หนูมีคนเลี้ยงแล้ว ส่วนหนูก็คงต้องกลับไปกับเจ้าของเดิม หนูเห็นใจเขามากค่ะ ที่ต้องทนดูแลหนูต่อไปอีก แต่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะหนูตัวเล็กมาก ผู้ซื้อเกรงว่าจะดูแลลำบาก หากหนูตายไป กลางคันเขาก็จะเสียเงินเปล่า นี่หนูแอบได้ยินเค้าคุยกันนะคะ

เกือบสี่ทุ่ม เสียงจ็อกแจ๊ก จอแจของ ผู้คนที่มาเลือกซื้อสัตว์เลี้ยง เริ่มน้อยลง เจ้าของหนูเตรียมเก็บหนูใส่กรงเล็ก ๆ เพื่อนำกลับบ้าน ร้านข้าง ๆ ก็กลับกันไปเกือบหมดแล้ว....แต่แล้วเหตุการณ์กลับเปลี่ยนไป เมื่อมีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ เรา

พี่ ๆ อย่าเพิ่งเก็บ ตกลงผมจะซื้อพุดเดิ้ลตัวนั้น อ้าว.. ไปไหนแล้ว..ตัวสีน้ำตาลน่ะครับ เสียงพี่คนเดิมที่เคยอุ้มพี่สาวของหนู...เขากลับมาอีก
อ๋อ..ขายไปแล้วครับเหลือตัวเล็กสีขาวตัวเดียวนี่แหละครับ เจ้าของรีบกุลีกุจออุ้มหนูออกมาใส่ในมือเขา
พี่คนเดิมท่าทางใจดีชะมัด พูดเพราะด้วย เขาทำหน้าเบ้นิดหน่อย แต่ก็อุ้มหนูไว้อย่างประคับประคอง
ตัวเล็กมาก อายุนิดเดียว ไม่รู้จะเลี้ยงได้หรือเปล่า เขามองมาที่นัยน์ตาหนู หนูหลบตา
ต๊าย..ขี้อายจังเลย เธอร้องเสียงสูง
สรุปว่าในที่สุดหนูก็อำลาเจ้าของ( คนแรกในชีวิตหนู)  และย้ายมาอยู่กับ พี่เล็ก หนุ่มคนสวย เจ้านายคนใหม่นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ด้วยราคา 800 บาท ลดราคาสุด ๆ

.............................................โปรดอย่าถามว่าหนูเป็นใครเมื่อในอดีต..................................................


พี่เล็กผู้อุปถัมภ์คนแรกของหนู

พี่เล็ก ตั้งชื่อหนูว่า ซินดี้ เธอบอกว่าเธอชอบนางแบบที่ชื่อ ซินดี้ ครอฟอร์ด  หนูก็เริ่มจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยว่า เป็น ซินดี้ น่าจะดีกว่ากลับไปเป็นซินเดอเรลล่า อยู่อย่างโดดเดี่ยว กับเจ้าของเดิม เพราะพี่สาวหนูก็ไม่อยู่แล้ว หนูคงจะเหงาน่าดู

พี่เล็ก เป็นคนใจดี เธอรักสวยรักงามมาก พูดช้า ๆ ดูแลหนูเป็นอย่างดี พาหนูไปฉีดยา อาบน้ำให้หนู พาไปซื้อเสื้อผ้าน่ารัก ๆ แต่หนูตัวเล็กมาก เพื่อน ๆ พี่เล็กบอกว่าหนูเหมือนกระต่ายมากกว่าหมา ขนหนูยังขึ้นไม่มากเลย ตัวยังเกลี้ยง ๆ พี่เล็กพาหนูไปด้วยทุกที่ รวมทั้งที่ทำงานด้วย

วันแรกที่หนูถูกพาไปที่ทำงานของพี่เล็ก หนูตื่นเต้นมาก มันเป็นออฟฟิศที่ค่อนข้างวุ่นวาย มีผู้คนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา เป็นตึกสองชั้นมีหลายธุรกิจอยู่ในตึกเดียวกัน มีทั้งโรงเรียนสอนภาษา บริษัททัวร์ และอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ด้านหน้าก็จะมีร้านกาแพเล็ก ๆ มีคนมานั่งดื่มกาแฟ ทานอาหาร รอเพื่อนที่มาเรียน หรือไม่ก็รอใช้อินเตอร์เน็ต


พี่เล็กมีหน้าที่ดูแลร้านอินเตอร์เน็ต ลูกค้ามีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ พี่เล็กรู้จักและสนิทสนมกับลูกค้าแทบทุกคน หนูก็พลอยได้รับความสนใจไปด้วย พี่เล็กเธอดูเหมือนจะเห่อหนูมาก ๆ หนูถูกอุ้มโดยมนุษย์แปลกหน้าทุกวัน วันละ หลาย ๆ คนจนกลายไปเรื่องปรกติ

พี่นิ เป็นเลขาของบริษัท เธอเป็นสาวสวยใจดีมาก ๆ เป็นเพื่อนซี้พี่เล็ก เพราะหนูแอบได้ยินเธอคุยกันซุบซิบ ๆ บ่อย ๆแล้วหัวเราะกันกิ๊กกั๊กตามประสาสาวสวย โต๊ะทำงานของพี่เล็ก หันหน้าเข้าหาผนัง แต่มีหน้าต่างกระจกเลื่อน กั้นระหว่างพี่เล็กกับพี่นิซึ่งนั่งอีกด้านหนึ่ง หน้าต่างนี้จะถูกเลื่อนปิดเปิด เวลาสองสาวส่งเอกสารให้แก่กัน แต่บางทีมันก็เป็นที่ส่ง ตัวหนู ผ่านไปมาด้วยเช่นกัน เพราะบางทีพี่เล็กก็ออกไปข้างนอกตอนพักกลางวัน เวลามีเพื่อนมารับไปทานข้าว หนูก็จะถูกฝากไว้กับ พี่นิ

บางคืนพี่เล็กไปเที่ยวกับเพื่อน ก็เอาหนูมาฝากกับพี่นิ ซึ่งมีห้องนอนอยู่บนตึกนี้ด้วย หนูจึงคุ้นเคยกับตึกนี้ดี เรียกว่าเป็นบ้าน ก็น่าจะใช่นะคะ  ทุกคนใจดีและดูเหมือนจะเอ็นดูหนูทุกคนเลยยกเว้นคนที่เป็นนายจ้างของบริษัท คนที่ใคร ๆ เรียกว่า ครูเมย์

หนูต้องคอยหลบ ๆ ทุกครั้งที่ ครูเมย์เดินผ่าน เพราะเธอไม่ชอบหมา ไม่ชอบแมว ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงทุกชนิด พี่เล็กต้องคอยระวังไม่ให้หนูออกมาเดินเกะกะ เพราะ ถูกเรียกไปเตือนว่า หากเอาหมามาเลี้ยงต้องแน่ใจว่าไม่ปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน หรืออึ ฉี่ไปทั่ว ต้องไม่เห่าหอน รบกวนลูกค้า หนู ยังจำน้ำเสียงเข้มงวดของเธอได้ดี

เล็ก...ถ้ามีปัญหามากกับการเลี้ยงซินดี้ เล็กก็น่าจะจ้างใครเลี้ยงไว้ที่บ้านนะ หรือไม่ก็ต้องหางานใหม่ที่เขาอนุญาตเอาหมาไปเลี้ยงได้.. ท่าทางเธอเอาจริงเอาจัง จนพี่เล็กหน้าเสีย และตัดสินใจเอาหนูขึ้นไปฝากไว้ในห้องนอนพี่นิทุกวัน และตลอดวัน จนกว่าจะเลิกงาน ซึ่งมันน่าเบื่อมากสำหรับหนู ที่ต้องเดินไปเดินมาในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีใครอยู่ ทั้งวันเพื่อรอให้พี่เล็กเลิกงานแล้วพาหนูกลับบ้าน
...............................................................................................................................................................

วันเวลาผ่านไป หนูก็เริ่มโตขึ้น ขนหนูยาวฟู แต่ไม่ค่อยสะอาดนักเพราะพี่เล็กไม่ค่อยว่างดูแลหนูเท่าไหร่ บางทีหนูก็ต้องอยู่กับพี่นิตลอดสัปดาห็ เมื่อพี่เล็กมีเพื่อนมาหา

จนกระทั่งวันหนึ่ง หนูก็ได้ยินพี่เล็กกระซิบบอกพี่นิว่า เธอจะลาออกจากงาน เพราะ เธอต้องไปต่างประเทศ อาจจะไปนานไม่มีใครดูแลหนู อาจจะต้องขายหนูให้กับฝรั่งคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าประจำ ที่ชอบหนูมาก  หนูใจหาย ไม่อยากไปอยู่ที่อื่นเพราะหนูเริ่มคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ หนูไม่อยากเปลี่ยนบ้านบ่อย ๆ ไม่อยากมีนายหลายคน

พี่นิก็ไม่อยากรับผิดชอบหนูจริง ๆ จัง ๆ เพราะพี่นิมีงานยุ่งทั้งวัน ยิ่งระยะหลังหนูเริ่มเห่าเสียงดังขึ้น ผู้คนเริ่มบ่นว่าเสียงดัง บางทีหนูก็หิว แต่หนูก็บอกใครไม่ได้  เป็นหมาก็ลำบากยังงี้แหละ มีอยู่ครั้งหนึ่ง หนูอยู่กับพี่นิ และพี่ลูกศร พี่สาวคนสวยและน่ารักที่สุดอีกคนหนึ่งที่ช่วยดูแลหนู หนูปวดท้องมาก หนูฉี่และอึในออฟฟิศ เธอทั้งคู่ต้องช่วยกันทำความสะอาดออฟฟิศและอาบน้ำให้หนู (ในเวลาทำงาน) ครูเมย์โกรธมาก ยื่นคำขาดว่าให้ใครก็ได้เอาหนูออกไปจากบ้านนี้โดยด่วน มันยิ่งทำให้พี่เล็กตัดสินใจจะยกหนูให้กับฝรั่งคนนั้นเร็วยิ่งขึ้น

หนูเศร้ามาก วันที่พี่เล็กมาบอกพี่นิว่า วันนี้ฝรั่งจะมารับตัวหนูตอนบ่าย ทุกคนก็ดูเหมือนจะเศร้า ๆ ไปด้วย ผลัดกันอุ้มหนู กอดหนู เรียกหนู ซินดี้ ๆ ๆ จะไปอยู่กับฝรั่งแล้วเหรอ...หนูอยากร้องไห้มากเลย
พี่นิอาบน้ำให้หนูตอนพักเที่ยง ใส่เสื้อตัวสวย แล้วอุ้มหนูมาลาทุกคน รวมทั้งคนสุดท้ายคือ ครูเมย์

เธอมองหนูเฉย ๆ แล้วก็บอกว่า ก็ดีแล้วนี่ ซินดี้..เธอเป็นหมาฝรั่งก็ควรจะไปอยู่กับฝรั่ง จะได้ฝึกมารยาท ไม่กระโดกกระเดกแบบทุกวันนี้
หนูมองตาครูเมย์ เราจ้องกันตรง ๆ เป็นครั้งแรก เธอยื่นมือมาอุ้มหนู แล้วลูบหัวหนูสองที แล้วถามพี่นิว่า
เธออยากจะเลี้ยงมันไหมนิ ?”
อยากพี่ อยากมาก มันน่ารักนะคะพี่ เสียงพี่นิตื่นเต้นมากเลย หนูเองก็ตื่นเต้น
โอเคเล็ก..เธอไม่ต้องขายฝรั่งหรอก ให้ซินดี้อยู่กับพวกเรานี่แหละ ครูเมย์พูดสั้น ๆ แล้วก็ให้ตังค์พี่เล็กไปกินขนม หนูก็ไม่รู้เท่าไหร่ แต่เธอก็บอกพี่เล็กว่า หากจะมาเอาคืนต้องจ่ายเป็นสองเท่านะยะ สรุปหนูก็เป็นหมาเก็งกำไรตัวหนึ่งใช่ไหมนี่...

พี่เล็กไปเมืองนอกแล้ว คิดถึงจัง แต่หนูก็ยังจดจำวันดี ๆ ที่เราอยู่ด้วยกันได้ วันหนึ่งหนูคงได้เจอพี่เล็กอีก เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทพี่นิ หากเธอมาเมืองไทยเธอคงมาเยี่ยมพวกเราแน่นอน (ถ้าครูเมย์ไม่ชิงขายหนูให้กับใครไปเสียก่อน).

 

หมาหลายเจ้า บ่าวหลายนาย


บ้านนี้มีคนเยอะแยะจริง ๆ  หนูต้องถูกผลัดเปลี่ยนคนดูแลอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพี่นิ ที่หนูนอนด้วย อยู่มาวันหนึ่ง มีฝรั่ง เพื่อนครูเมย์ เอาเจ้าสุนัขพันธุ์ชิวาว่า สีดำทั้งตัวมาฝากครูเมย์ไว้ บอกว่าจะไปต่างจังหวัดไม่มีใครดูแล ครูเมย์ก็ดูท่าทางเต็มใจรับฝาก เพราะกุลีกุจอพาไปอาบน้ำ กลางคืนมาก็พาไปนอนในห้องด้วย พี่นิต้องคอยแนะนำว่าต้องดูแลหมายังไง เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรู้เรื่องสุนัขเลย..

คืนแรกและคืนเดียวที่ผู้หญิงขี้โมโหและหมาแปลกหน้าอยู่ด้วยกัน ไม่ถึงคืนด้วยซ้ำ เธอมาเคาะที่ประตูห้องนอนพี่นิแล้วบอกว่า โอ๊ย...ไม่ไหวหรอกนิ มันร้องทั้งคืน พี่นอนไม่หลับ ลองคิดดูสิคะ ว่าจริง ๆแล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบดูแล ถ้าไม่ใช่พี่นิ หนูน้อยใจมาก ๆ คืนนั้นหนูนอนไม่หลับเลย

ทุกคนดูเหมือนตื่นเต้นและชื่นชมกับกับสมาชิกใหม่ โดยเฉพาะพี่นิดูจะตื่นเต้นกับเจ้าดำตับเป็ด อย่างออกนอกหน้า เธออุ้มมันตลอดเวลา เจ้านี้ก็เห่าได้ตลอดเวลาเหมือนกัน เสียงเห่าออกแหลม ๆ เล็ก ๆ แต่กลบเสียงหนูได้โดยเด็ดขาด หนูต้องแอบไปนอนซุกอยู่ในห้องตัวเดียว

พี่นิพยายามจะให้หนูเป็นเพื่อนกันกับเจ้าตัวนี้ แต่หนูเข้ากับเขาไม่ได้เลย จนกระทั่งสองวันผ่านไป ฝรั่งเจ้าของเขาก็กลับมา หนูดีใจมากกว่าไอ้หมาดำอีก แต่...รู้ไหมคะว่าอะไรเกิดขึ้น..ฝรั่งยกหมาให้ครูเมย์บอกว่าไม่สามารถเอากลับไปด้วยได้ เพราะเขาย้ายไปอยู่คอนโดที่ที่เขาไม่อนุญาตให้นำสุนัขขึ้นไปอยู่ด้วยได้
โอ..พระเจ้าช่วย นี่หนูต้องเป็นเพื่อนเจ้าดำนี่ไปตลอดเลยเหรอ...ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกเลย หากมี หนูก็คงไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือก...

ครูเมย์เรียกเจ้าดำว่า ลัคกี้ หนูเห็นด้วย ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็ถูกบังคับให้เป็นเพื่อนกัน เวลาเขาเรียกเรา ก็จะเรียกชื่อเราทั้งคู่ คือ ลัคกี้..ซินดี้

เจ้าลักกี้ ชอบแย่งตุ๊กตา พี่นิซื้อตุ๊กตาให้เราคนละตัว แต่ลักกี้ก็กัดของตนเองจนขาดหมด แล้วมาแย่งของซินดี้ พี่นิก็บอกว่า  ยกให้น้องไปนะซินดี้ หรือไม่ก็แบ่ง ๆ กันเลยนะจ๊ะ ซินดี้ทนลักกี้ได้เกือบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเห่าไม่หยุด

ลักกี้ วิ่งเร็วมาก จ๊ากไปจ๊ากมา ตัวสีดำ ๆ บางทีมองเหมือนปีศาจแว่บโน่นแว่บนี่ ในออฟฟิศ ระยะหลังเขาพัฒนามากขึ้น เข้ากับหนูได้ เห่าน้อยลง เราเริ่มทานอาหารด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน และมีนายหลายคนเหมือนกัน


จากหมาหัวเน่า จนถึง ศรีสุนทร

หนูถูกครูเมย์ พาไปอาบน้ำ ตัดขนนาน ๆ ครั้งที่ร้านในเมือง  เปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆค่ะ  มันเป็นเวลาเดียวที่หนูได้เข้าใกล้เธอ เพราะเท่าที่หนูจำได้ เธอไม่เคยอุ้มหนูเลย เธอซื้อหนูไว้เพราะอยากเอาใจพี่นิ แต่ตอนนี้เห็นเธอบ่น ๆ ว่าพี่นิเริ่มทำตัวเป็นคนเลี้ยงหมาไปเสียแล้ว ไม่ใช่เลขาคนเก่งคนเดิม หนูก็ไม่เข้าใจว่ามันเป็นความผิดของพี่นิหรือความผิดของครูเมย์เองที่มีเราสองตัวมาเป็นภาระในบ้าน

หนูชอบการที่ได้นั่งรถเที่ยวมากเลยค่ะ เพราะซินดี้อยู่แต่ในออฟฟิศทั้งวัน ไม่ค่อยได้ออกไปวิ่งเล่นที่ไหนเลย วันไหนที่ครูเมย์พาไปอาบน้ำหนูจะดีใจมาก ไม่ใช่ดีใจได้อาบน้ำนะคะ แต่ดีใจที่ได้นั่งรถเที่ยวต่างหาก
นั่งตัวตรง ๆ ซินดี้ นี่คือประโยคแรกที่ครูเมย์เอ่ยทันทีที่หนูกระโดดขึ้นไปนั่งคู่กับเธอในรถ จากนั้นเธอก็ขับรถไป พูดโทรศัพท์ ไป เลี้ยวรถผิด ๆ ถูก ๆ ไปจนถึงร้านหมาร้านใดร้านหนึ่ง แล้วก็อุ้มหนูไปยื่นให้พนักงานในร้าน บอกสั้น ๆ ว่า อาบน้ำ ตัดขนค่ะ
ต้องการตัดแบบไหนคะ เจ้าของร้านถาม
แบบไหนก็ได้ที่คุณคิดว่าเหมาะสม เสร็จแล้วโทร.ไปตามเบอร์นี้ค่ะ แล้วจะมารับ แล้วเธอก็เดินไปเลย ไม่เหลียวมามองหนูด้วย

บางทีหนูต้องรอจนมืดกว่าเธอจะมารับ หรือบางทีก็ให้พี่ยุทธคนขับรถมารับแทน บางทีครูเมย์ก็จำไม่ได้ว่าเอาหนูไปไว้ที่ร้านไหน พี่ยุทธต้องขับไปตามหาหลาย ๆ ร้าน เพราะเธอเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  จนบางครั้งหนูก็กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปหาทุกคนอีก เพราะเธออาจจะแกล้งลืมไม่มารับหนู หรือพาลยกหนูให้เจ้าของร้านหมาไปเลย ฉะนั้นพักหลัง ๆ หนูต้องทำตัวเรียบร้อยมาก (โดยเฉพาะเวลาอยู่ในสายตาครูเมย์)




ปลายปี 2004 หนูอายุเกือบ สองปี ชีวิตหนูก็เปลี่ยนไป...........

วันหนึ่ง ครูเมย์เรียกพี่นิมาตำหนิว่า งานบกพร่องมากเพราะมัวแต่ดูแลหมา
เอายังงี้ก็แล้วกันเธอรักเจ้าลักกี้มากใช่ไหม งั้นให้ยุนาเอาซินดี้ไปเลี้ยงแทน  เพราะหมาสองตัวอยู่บ้านเดียวกัน มันดูเหมือนจะมากไป สำหรับเราทุกคน เราต้องทำงานนะจ๊ะ..

พี่นิก็ดูเหมือนจะเข้าใจ ส่วนหนูตกใจมาก เพราะพี่ยุนา (ลูกชายครูเมย์) ดูท่าทางดุมาก (สำหรับหมาอย่างหนู) ชอบเล่นแรง ๆ เวลามาที่ออฟฟิศ แต่ก็เคยพาหนูไปอาบน้ำ สองสามหน เวลาครูเมย์ไม่ว่าง วันที่พี่ยุนาพาหนูไปอยู่กับเขา หนูมีแผลบนหัวด้วย เขาเลยเรียกหนูว่า ไอ้หมาหัวเน่า

ช่วงเวลาที่หนูอยู่กับพี่ยุนากับพี่จัน ดูจะเป็นเวลาที่หนูได้เรียนรู้มารยาทของการเป็นหมาที่ดี ได้มากที่สุด หนูถูกฝึกให้ ฉี่ และ อึ เป็นเวลา เป็นที่ เป็นทาง หนูทานอาหารเม็ดเท่านั้น และวันละหนึ่งมื้อด้วยค่ะ มากกว่านั้นไม่ได้ ไม่สามารถทานพร่ำเพรื่อ  หนูมี เจ เจ เป็นเพื่อน ส่วนรถถังมาทีหลังสุด หนูไม่ได้อยู่ด้วย เพราะหลังจากหนูอยู่กับพี่ยุนาได้ไม่นาน ก็ต้องย้ายติดตามกันไปอยู่ต่างจังหวัดที่บ้านปาป๊าของพี่ยุนา หนูขาดการติดต่อกับออฟฟิศครูเมย์และทุกคนไปเกือบครึ่งปี

หนูทราบแต่ว่า เจ้าลักกี้ถูกยกให้กับคุณโต้งเพื่อนครูเมย์ไปแล้ว เพราะมันไม่เลิกเห่า และพี่นิก็ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงมันเกินไป  หนูเชื่อว่าการจากกันของเจ้าลักกี้และพี่นิ เป็นความเจ็บปวดที่พี่นิสามารถอธิบายได้ดีกว่าหนูค่ะ

จนกระทั่งพี่ยุนาย้ายกลับมาอยู่ใกล้ ๆกับออฟฟิศและทำงานที่เดียวกันกับทุกคน หนูจึงได้กลับมาอยู่กับทุกคนอีก ครูเมย์บอกว่าหนูเปลี่ยนไปนะ โตขึ้นมาก  หนูนอนกับพี่ยุนา พี่จันและ เจ เจ ที่ตึกตรงกันข้ามกับออฟฟิศ กลางวันทุกคนไปทำงาน หมา ๆ อยู่บ้าน หนูรำคาญ เจ เจ มาก เพราะเค้ากลัวเสียงฟ้าร้อง กลัวโน่นกลัวนี่ เวลากลัวก็จะเห่าเสียงดัง ปัจจุบันนิสัยนี้ก็ยังเป็นอยู่ ไม่เลิกเลยค่ะ

บางวันหนูก็ลงมาอยู่ในสวนหลังบ้าน แต่บ้านเราอยู่ใกล้ถนนมาก พี่ยุนากลัวพวกเราจะวิ่งข้ามถนน บางทีจึงต้องผูกเราไว้ในสวน หนูเกลียดการถูกผูกมาก ๆ เลย หนูว่ามันเป็นพันธนาการที่ย่ำแย่ที่สุด เพราะบางทีฝนตก เราก็หลบฝนไปไหนไม่ได้ หนูและเจเจ จึงรวมหัวกันส่งเสียงดัง เป็นทีมเวริ์ค จนข้างบ้านต้องเดินมาดูบ่อย ๆ ไม่เชื่อลองไปถามป้าน้อยข้างบ้านดูเลย ว่าพวกหนูสองตัวสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง

ปัจจุบันพี่ยุนา เขาก็ยังเหมือนเดิม ชอบชี้นิ้วและจ้องตา เรียกหนูว่า ศรีสุนทร หนูไม่รู้ว่าเขาเอาไอเดียมาจากไหน เฮ้อ....


วันหนึ่งหนูและเจเจ ก็ต้องตระหนกตกใจเมื่อพี่ยุนาและพี่จันพาเจ้า รถถัง มาอยู่ด้วยอีกตัวหนึ่ง เจ้านี่หน้าตาประหลาดมากเหมือนวัว มีวงกลม ๆ สีดำรอบตาซ้าย เห็นครูเมย์บ่น ๆ ว่า เอาอีกละยุนา มันจะมากไปแล้วนะลูก หมาตั้งสามตัว มีอยู่สองตัวก็เลี้ยงแทบจะไม่ไหวปล่อยให้เห่าทั้งวัน ยังจะหามาเป็นภาระอีก หน้าตาก็น่าเกลียดด้วย แม่ไม่เข้าใจเธอจริง ๆ
หนูก็ไม่เข้าใจด้วย...เจเจ ยิ่งน้อยใจใหญ่เลย เราทั้งคู่ถูก อัปเปหิ ลงมานอนข้างล่างที่สวนหลังบ้าน พี่ยุทธคนขับรถบอกว่า น่าสงสารไอ้สองตัวนะ มันคงอิจฉาไอ้รถถัง หนูยิ่งน้อยใจมากเลย..

บางทีหนูก็ได้กลับไปนอนกับพี่นิ หรือไม่ก็พี่ลูกศร ส่วนเจเจ ตอนหลังก็กลับไปอยู่กับป๊าที่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม  ชีวิตหนูก็ถือว่าตื่นเต้นนะคะ อาจจะฟังดูเหมือนหมาฟุตบอล ถูกโยนไปโน่นไปนี่ แต่ทุกคนก็ดูเหมือนจะรักหนูดี โดยเฉพาะพี่นิ เธอก็เสมอต้นเสมอปลาย  ตอนหลังพี่นิมีความรัก เธอก็ไม่ค่อยมีเวลาให้หนู  หนูจึงเมดเล่ย์ไปนอนกับคนโน้นที คนนี้ทีไปเรื่อย แต่สิริรวมแล้วชีวิตหนูก็มีความสุขตามประสาหมา ๆ ค่ะ...


จุดหักเหในชีวิตของซินดี้


วันนั้นเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2006 เป็นวันวาเลนไทน์ ที่ออฟฟิศของเราก็มีการติดลูกโป่งที่ร้านอินเตอร์เน็ต จุดเทียนซื้อขนมมากินกัน หนูถูกผูกไว้ที่หลังบ้าน พี่ลูกศร เดินมาดูหนูบ่อย ๆ และมาดุบ้างบางครั้งที่หนูส่งเสียงดัง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ บ่ายโมง มีฝนตกปรอย ๆ ที่ร้านอินเตอร์เน็ตมีลูกค้าอยู่เต็มไปหมด หนูก็จำไม่ได้ว่าทำไมหนูถึงได้เห่าเสียงดังได้มากมายขนาดนั้น หนูคงหลับหูหลับตาเห่าจนไม่ได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งมายืนค้ำศรีษะซินดี้อยู่นานแล้ว.....

เห่าอะไรนักหนายะ นังซินดี้  เสียงแหลมดังแสบแก้วหูซินดี้เป็นที่สุด หนูหยุดเห่าในบัดดล ครูเมย์มายืนในสวนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ..

หนูถูกกระชากมาโยนใส่รถ ประตูรถถูกปิดดังปังด้านที่หนูนั่ง หนูรู้โดยทันใดว่า หนทางจากที่บ้านไปร้านอาบน้ำหมาจะเป็นระยะทางที่ยาวนานที่สุด และกินเวลานานที่สุดด้วย เพราะเวลาเธอโกรธเธอจะขับรถได้เลวร้ายมาก ๆ เผลอๆ หนูอาจจะไม่ได้กลับบ้านก็คราวนี้แหละ

หนูนั่งนิ่งเงียบไปตลอดทาง มิอาจจะจะเชิดหน้าสวย ๆ ของหนูออกไปมองผู้คนถนนหนทางด้านนอก เพราะหนูรู้ดีว่า พายุแคทารินามีจริง และอยู่ใกล้ตัวหนูนิดเดียวเอง
ฉันทำไมทำดีไม่ได้ดีวะนังซินดี้...ผู้คนรอบข้างมีแต่น่ากลัวทั้งสิ้น โลกนี้มันโหดร้ายมากนะ แกรู้ไหม มันไม่ยุติธรรมเลย
เอ๊ะ..แล้วมันเกี่ยวกับซินดี้ยังไงคะ หนูเถียงในใจ
เป็นหมาอย่างแกก็ดีนะ ฉันรู้แล้วทำไมหมอแนะนำให้ฉันเลี้ยงหมา เพราะแกไม่เถียงเลย  นอกจากเห่าไม่หยุด
อ้าว…….” หมา..งง

เสียงบ่นหยุดกะทันหันเมื่อมีเสียงดังโครมเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับตัวซินดี้ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปตกอยู่ตรงที่วางเท้า ส่วนครูเมย์ร้องจ๊าก….หนูจุกลุกแทบไม่ขึ้น เจ็บระบมไปหมด  พยายามยักแย่ยักยันขึ้นมานั่งที่เดิม ครูเมย์ เธอไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่พูดโทรศัพท์
ค่ะ ค่ะ อยู่ตรงสายสาม พัทยาใต้ มาเลยนะคะ พี่ชนท้ายเขาค่ะ..อะไรนะคะ..ค่ะ ค่ะ รถซิลิก้าค่ะ..มาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ..

ตำรวจที่อยู่ใกล้ ๆ เดิมมาสอบถามเหตุการณ์ สรุปว่าครูเมย์ผิดที่ขับชนท้ายคู่กรณี  เจ้าของรถลงมาคุยด้วย เมื่อครูเมย์ถอดแว่นตากันแดดออก เขาก็ทำหน้าตกใจ และบอกว่า เอ้อ..ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจรถผมก็มีประกัน ต่างคนต่างซ่อมแล้วไปเคลมที่ประกันของตัวเองดีกว่า ผมไม่เอาเรื่องเพราะผมเห็นใจพี่ แต่ผมว่าพี่ไม่น่าขับรถเองนะครับ

ค่ะ..ค่ะ พี่ก็ว่ายังงั้นแหละ พี่เห็นรถคุณมีสองคัน เหมือนกันเลย พี่นึกว่าคันจริงอยู่ข้างหน้า ..ขอโทษที่มีตาข้างเดียวค่ะ

เมื่อทุกคนแยกย้ายต่างคนต่างไป หนูเห็นครูเมย์ป้ายน้ำตาอย่างรวดเร็ว สตาร์รถ แล้วพูดว่า ไปร้าน dog paradise นะซินดี้ วันนี้วันวาเลนไทน์ เธอต้องสวย เพราะต่อไปเธอต้องเรียกฉันว่าแม่ และมีหน้าที่จูงฉันข้ามถนนเหมือนในหนังฝรั่งนะจ๊ะ
แม่หนูเป็นโรค MG คือตาปิดไปหนึ่งข้างน่ะค่ะ






Gang ของหนูเอง
  บ้านเกิดและชาติกำเนิด
บ้านเกิดและกำเนิด ตามประวัติว่ากันว่า Sindy ควรเป็นฝรั่งเศส แต่ก็มีการบันทึกหลักฐานไว้ว่าต้องมาจากประเทศเยอรมันนี ชื่อ พูเดิล หมายถึงกระโดดน้ำ แต่ต่อมาเยอรมันได้นำพวกเราไปฝรั่งเศสด้วยและเป็นที่ชื่นชอบของชาวฝรั่งเศสจนกลายเป็นสัญชาติของฝรั่งเศส ทำให้หลายๆคนเข้าใจว่าพวกเรามีถิ่นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส
โดยนิสัย Sindy ควรว่ายน้ำเก่ง ฉลาดแข็งแรงว่องไวและมีไหวพริบค่ะ นิสัยจริง ๆ
ควรจะรักความสะอาดเรียบร้อยชั้นเยี่ยม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีบ้านสวยงาม เท่านั้นนะคะ บางคนหวังจะให้ Sindy ดูบึกบึน แต่ Sindy ไม่ช่าย....หนูชอบสวย ฉลาดและชอบเลียนแบบบุคลิกของนาย มากกว่า ชอบที่จะสังสรรค์และเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์อะไรที่ตื่นเต้น ๆ ที่เกิดขึ้นรอบข้าง และค่อนข้างบ้ายอ...ขอบอก


นิสัยปัจจุบัน กลายพันธ์ไปหมดแล้วค่ะ แถวบ้าน Sindy มีผู้คนหลากหลาย ...มีคนวุ่นวายกะชีวิต Sindy มากก เลยเลียนแบบไม่ถูก ตอนนี้ยิ่งต้องปรับตัวใหญ่เลยเพราะคนที่ดูแล Sindy มีเยอะ แต่ที่ Sindy ต้องรับภาระดูแลดูเหมือนมีอยู่คนเดียวคือคนที่ใคร ๆ เรียกว่า ครู แต่ ครู ก้อชอบเรียก Sindy ว่า "ยายซินดี้" และเรียกตัวเองว่า"แม่" หนูล่ะงง บ้านนี้ ผู้คนเยอะมาก นับญาติไม่ถูก สรุปว่า ต่อไปนี้ หนูก็มีแม่เป็นตัว เป็นตน หนูก็รู้ว่า " แม่" คง ไม่ Spoilt Sindy เหมือนคนอื่น ๆ แน่นอน หนูก็ไม่ชอบด้วย...ไม่ชอบเจ้าของพะเน้าพะนอ 
หน้าที่หนู
แม่บอกสั้น ๆ ว่า "ก็เป็นเพื่อน แม่" ( งานประจำ Full time Job...นะเนี๊ยะ )ช่วยด้วย งานแรก อยู่เป็นเพื่อนเวลาแม่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ถึงตี สี่ !!! ไปเดินเป็นเพื่อนชายหาด แต่แม่ตาไม่ค่อยดี เดินก็ช้า เตะโน่นเตะนี่ หาแว่นตา..หายได้ทุกวัน และทุกอัน นั่งรถไปโน่นไปนี่ ขับได้น่ากลัวมาก ปากก็บ่นไปเรื่อย ๆ นึกจะจอดก็จอด อีกเยอะแยะเลยค่ะ หนูจะไหวป่าว ก้อม่ายรู้...
ส่งเมล์ แนะนำ แม่ ใหม่ หัดขับ มาให้แม่ Sindy หน่อยนะคะ
Story of Sindy, chapter 2
นิสัย หมา ๆ เป็นยังไงอ่ะ...
 
นิสัยขี้อายมั๊ยเหรอ ?

Sindy
ไม่ขี้อาย หนูมั่นใจมากค่ะ ไม่เคยซักครั้งที่ต้องเดินหลบ ๆ เลี่ยง หนูท่องให้กำลังใจตัวเองว่า หนูสวย ๆ แล้วก้อจะเริ่มเชื่อเอาเองว่าเราสวย จริงไหมคะเหมือน ๆ กะพูเดิ้ล Standard ทั่วไปนะแหละ ทุกคน(ตัว) ก้อคิดว่าตัวเองสวย อันที่จริง เจ้าของต่างหากที่ชอบเอาพวกหนูไปอวดกัน จริงแม๊ะ

นิสัยดุร้ายก้าวร้าว อุ๊ยไม่จริงค่ะ ปรกติไม่เคย นอกจากเวลาหนูเห็นไอ้แมวเหมียวร้านคุณปีเตอร์ ไม่รู้เป็นไง หนูมักจะสวม วิญญาณ นางหมาจิ้งจอก ทันที
นิสัยก้าวร้าว ก้อไม่ค่อยเป็นนะคะ ยกเว้นกะ เจ้ารถถัง เพราะ เค้ามาทีหลังและเด็กกว่าหนูด้วย แต่ชอบเป็นนักเลง บางที หนูก็ฮึดสู้ แต่ม่ายไหวอ่ะ พวกใช้กำลังซินดิ้ไม่ชอบ

นิสัยรักสวยรักงาม..อ๋อ แน่นอนค่า.. ที่ว่ากันว่า พูเดิ้ลขี้เหร่มักจะมี ฟันล่างเกยมาอย่ด้านนอกหรือฟันบนอยู่ด้านนอกแต่อยู่ห่างจากฟันชุดล่างมาก ปากเบี้ยว คางเล็กหรือสั้นผิดปกติ หนูไม่เยินยังงั้นแน่นอน พิสูจน์ได้


ทุกคนบอกว่า ตาของ Sindy เป็นรูปทรงกลม โตกำลังดี ประเภท ตายื่นโปนออกมา ตาโตหรือตาเล็กจนเกินไป ดูตลก แต่หนูว่าเราก้อสามารถ ไปแต่งสวยได้นะคะไม่รู้ทำหน้าทั้งหน้า ต้องใช้เงินเท่าไหร่ หนูโชคดี ไม่ต้องใช้เงิน แม่ก้อบอกว่าหนูสวยแล้ว แม่ไม่หนับหนุนให้ทำศัลยกรรม

สีของจมูก ริมฝีปากและหนังของบริเวณขอบตาตรงตามลักษณะ สีตรงกับสีขน แต่.หนูเกลียดไอ้เจ้าร่องน้ำตานี่มากเลย ดูเหมือนหนูร้องไห้มาทั้งวัน เห็นแม่บอกว่าจะเอาไปไถขนบริเวณหน้าออก ทำจมูกแหลม ๆ หนูก้อเคยทำแบบนั้นมาแล้วทุกคนก้อตื่นเต้นใหญ่ แต่พอหนูมอมแมม ทุกคนก้อเบะหน้า ทำรังเกียจ เหม็นเบื่อ ตอนนี้หนูเรียนรู้แล้วว่า คนเราชอบดูกันที่ภายนอก แม่ก้อบอกตลอดว่า นังซินดี้ เธอต้องดูดี สะอาดสะอ้าน เพราะเขาวัดนิสัยเจ้าของ จากหมาที่เลี้ยงนะยะหล่อน อ้าวแล้วมันเกี่ยวกะหนูยังไงเนี๊ยะ สอนหนูดิ

เรื่องของบุคลิคภาพ.เฮ้อ..ขาหลังเวลาหนูยืนเกือบจะเหยียดตรง.แม่บอก เธอยืนยังไงไม่รู้ คือมันคล้าย ๆ วัวว่ะ.. วิจารณ์ได้ น่าเกลียดมาก หนูพยายาม ฝึกหน้ากระจกทุกวัน แม่ก้อชอบถ่ายรูป ๆๆๆๆ มาเปรียบเทียบอยู่นั่นแหละ ว่าบุคลิคหนูดีขึ้นหรือยัง แม่บอก ตื่นนอนตอนเช้าต้อง Stretching  หนุปวดฉี่สุด ๆ แม่ก้อบอกควร stretching ก่อน ก้อคือยืดเส้นยืดสาย (ตามแม่) ได้โปรดเถิดพระเจ้า มันเป็นท่าที่ทำให้กลั้นฉี่ไม่อยู่ หนูถูกตีไปสามหน เพราะหนูเข้าใจว่า stretching สามารถทำพร้อม ๆ ไปกับการฉี่ได้ ตอนนี้ พอหนูตื่นนอน หนูทำท่า streching ให้มันเสร้จ ๆ ไป แต่แม่ร้องจ๊ากบอกว่า "ไม่ต้อง ๆ ยายซินดี้  ไม่ต้อง สเตร็ชชิ่ง เตร็ชเชิ่ง มันแล้ว อย่าฉี่ในห้องนี้เชียวนะ ไปฉี่ข้างล่างก่อนเลย แก "


Sindy
ดื้อมั๊ยคะ... หนูเลือกดื้อค่ะเป็นบางครั้งเหม็นเบื่อคนจู้จิ้ ชอบสั่งให้หนูทำท่าประหลาด ๆ หรือจับให้หนูทำนั่นทำนี้ แต่ไม่เคยสอนเล๊ย สอนครั้งเดียวแล้วให้เราทำได้ในบัดดล เป็นอัจฉริยะ ยิ่งมีเจ้านายอารมณ์ไม่แน่นอน เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวดี ร้ายก้อตี ดีก้อกอด ก้อฟัด ถ้ามีเจ้าของที่พะเน้าพะนอเกินไปอาจทำให้"เสียหมา"ได้..จริง ๆนะคะ
คืนอันเลวร้าย ของ Sindy
คืนวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2549


คืนที่นายฝรั่งปิดร้านดึก เพราะเค้ามาเช่าร้านแม่และวันนี้เป็นวันสุดท้าย เค้าหมดสัญญาเช่า และเค้าก้อเลี้ยงดื่มเพื่อนฝูง แม่ก้อถูกเค้าเชิญไปด้วย หนูก้อนั่งรอ ทุกคนก้อสนุกสนาน ร้องเพลงกันใหญ่ ทุกคนก้อชอบมาลูบหัวหูหางหนู ตอนนั้นหนูก้อสนุกด้วย และไม่รู้สึกอยากฉี่ แต่อย่างใด สรุปคืนนั้นเรา เข้านอนดึก ปรกติแม่จะไปเข้าตู้อบ แต่คืนนี้ประมาณว่าเมามาก แม่ไม่ไปอบ แม่พาหนูข้ามถนนกลับมาบ้าน เข้าห้องนอน เปิดประตู หนูก้อวิ่งไปวิ่งมา จำไม่ได้ว่าเพราะปวดฉี่หรือเปล่า แม่ก้อบอกว่า อ้าววิ่งอยู่นั่นแหละ ไปนอนได้แล้ว

แม่ก้อคงเมา ไปห้องน้ำนานมาก พอแม่ออกมาอีกทีหนูก้อง่วงด้วย ปวดฉี่หรือไม่ จำไม่ได้ แต่รู้สึกตัวอีกที.ก้อคืออั้นไม่อยู่ หนูฉี่ลงไปบนเตียงเลย แม่ออกมาจากห้องน้ำ เดินมาที่เตียงล้มตัวลงนอน แล้วทำจมูก ฟุต ฟิต ๆ แล้วลุกพรวดพราด ท่าทางตกใจมากมองมาที่เตียงที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยฉี่ของหนู แม่ กร๊ดกร๊าดใหญ่เลย ตีก้นหนู ป๊าบ ๆๆ แรงมาก แต่หนูไม่ร้องนะ เอ๊ะหรือว่ามันไม่เจ็บสำหรับหมา แต่เจ็บสำหรับมนุษย์เพราะหนูยังเห็นแม่สะบัดมือไปมา แม่ ยืนงงไป 2 วินาที สงสัยกำลังพยายามรวบรวมสตินึกถึงวิธีทำโทษหมาแบบหนู หนูภาวนาให้แม่นึกไม่ออก แต่แล้วแม่ก็หับขวับมาจ้องหนูด้วยตา(ข้างเดียว)ที่ เหลืออยู่ ส่วนหนูก็กำลัง พยายามบีบหดตัวให้เล็กที่สุด
ขดเป็นก้อน กลม ๆ ยังไง ก้อยังอยู่ในสายตาไอนะยะ ยูตายแน่นังซินดี้ แม่คว้าเอา(เฉพาะ) หน้าหนูถูที่นอน ถูไปถูมา มากกว่า ยี่สิบเอ็ด ตลบ เท่าที่ยังมีสติจำได้ ไม่เจ็บแต่เวียนศรีษะและมึนงงมากค่ะ ไม่รู้หัวหนูยังติดกะคออยู่ได้ยังไง ถ้าหนูเกิดตายคามือแม่ มันน่าจะเรียกว่าเป็นการฆาตกรรมที่ด้อยสติปัญญาที่สุด เพราะใช้เวลานานมาก หนูน่าจะตายเพราะความตกใจเสียงของแม่มากกว่า นังซินดี้ ไม่มีมารยาท ไม่รู้จักอดทน อดกลั้น สอนรึยังล่ะเนี๊ยะ..?

หนูวิ่งหนี ยังกระชากหนูไปตีอีก เอาไดร์เป่าตัวหนู ร้อนมากกก บันดาลโทสะมาก น่ากลัวที่สุดในโลกของ Sindy สรุปว่าหนูผิด หรือใครผิด หนูจะรู้เหรอ หนูก้อเคยฉี่ในห้องพี่ยุนา ก้อไม่เห็นจะบ้านแตกถึงขนาดนี้ แม่ทำเหมือนหนูเผาบ้าน หนูไม่ร้องเลย แม่คงเหนื่อยเต็มที ไหนจะต้องทำความสะอาดที่นอนเปลี่ยนผ้าปูและอีกเยอะแยะ คุณคงนึกภาพคนอายุ 53 ความดันขึ้นหน้าแดงเป็นกวนอู หัวหูยุ่ง แถมตอนนี้มีตาข้างเดียว แล้วทะเลาะกะ หมาอายุ 2 ขวบอ่ะ...

โอ๊ย แม่คงใช้เวลาทั้งคืนที่เหลือแน่ ๆ เลย เพราะแม่หิ้วปีก (ขาหน้าทั้งสองที่อยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรง) เอาหนูไปขังอยู่ในห้องน้ำ มืดมากเลย รออยู่ประมาณ 20 นาที มันนานมานะสำหรับหมาตัวน้อย ๆ อย่างหนู แม่มาเคาะและเปิดประตู หนูรีบไปซ่อนอยู่หลังประตู หนูพยายามทำหน้าให้น่าสงสารที่สุด แม่นั่งลงและขอโทษ หนูไม่รู้เรื่องเพราะหนูเป็นหมา แม่ร้องไห้บอกว่าแม่ไม่รู้จะเลี้ยงหนูยังไงเพราะไม่เคยเลี้ยงหมา หนูก้อไม่เคยถูกตีขนาดนี้เลยนา แต่พูดไม่ได้ ก้อได้แต่มองแม่ หนูลองไปดมดูที่ฉี่ก้อไม่เห็นมันเหม็นอะไรมากมาย แม่หัวเราะ แล้วก้อมาเช็คแฮนด์ บอกว่า หายกันนะ แล้วเราก้อดีกันอีก

แม่เรียกให้หนูออกมาจากใต้เตียง หนูก้อไม่กล้าออกมา หนูได้ยินแต่ว่า หนูต้องไม่ทำอย่างนี้อีก ไม่ยังงั้นแม่จะตีจริง ๆ โอว...พระเจ้าจอร์จ...อย่างนี้ยังไม่เรียกว่าตีอีกเหรอ ตัวหนูระบมไปหมดแล้ว ตั้งแต่นั้นมา หนูก้อต้องเรียนรู้ว่าต้องอดทนอดกลั้นว่า ต้องไม่ฉี่ในห้องนอน แต่แม่ก้อพยายามตื่นนอนพาหนูไปฉี่แต่เช้าทุกเช้า....หวังว่าคืนวันอันโหดร้ายคงไม่หวนกลับมาอีก....