2013-04-26

แม่หนูกับช้างชื่อ "แม่ด้วน"

แม่หนูกับช้างชื่อ "แม่ด้วน"
"ช้าง" สัตว์คู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย "ถ้าไม่มีช้างในการทำศึกสงครามในวันนั้น อาจไม่มีประเทศไทยในวันนี้" คงไม่ใช่คำที่กล่าวอ้างเกินจริง แล้ววันนี้ เกิดอะไรขึ้นกับช้าง สัตว์ชั้นสูงที่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ อ่านเรื่อง "แม่หนูกับช้าง" ก่อนดูวีดีโอเรื่องนี้นะค่ะ

            แม่หนู อายุเพียง 11 ขวบ ตอนที่คุณตาหนูเสียชีวิตตอนนั้น ทิ้งให้คุณยายหนู (อายุ 37 ปี) เป็นแม่ม่ายแต่วัยเยาว์ ต้องเลี้ยงลูก หกคนด้วยตัวเอง แม่หนูมีน้องชาย4 คน มีพี่สาว 1 คน ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ คุณยายหนูก็จากโลกนี้ไปแล้ว (โดยไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลย แม่บอกว่าความรักของคุณยายเป็นเรื่องอมตะ..เศร้าค่ะ) มาพูดเรื่องช้างดีกว่า

          
แม่เล่าว่า ครอบครัวแม่มีช้างสามเชือก ตัวที่แก่ที่สุดชื่อ แม่ด้วน เพราะหางมันด้วน แม่ จำไม่ได้ว่ามันหางด้วนเพราะอะไร รู้แต่ว่า ทั้งสามเชือกมีควาญช้างประจำ แม่จะผูกพันกับ แม่ด้วน มากกว่าตัวอื่น ๆ เพราะเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก และแม่ด้วน เป็นช้างที่มีคนเอามาใช้หนี้คุณตา ไม่ได้ซื้อหามาเลี้ยงเอง

            ช้างทั้งฝูง (มีสามเชือก) จะถูกจ้างไปลากซุง ไปทำงานในป่าเป็นเวลาหลาย ๆ วัน บางทีเป็นแรมเดือน คุณตาเป็นครูบ้านนอก พอปิดเทอมก็ไปอยู่ป่า ดูช้างทำงาน พองานเสร็จ คุณตาก็กลับบ้านพร้อมกับทีมช้างและควาญ 
           
 ตอนที่คุณตาจากไปอย่างคาดไม่ถึง ทำให้คุณยายซึ่งไม่มีความรู้เรื่องการบริหารช้าง สั่งควาญช้างไม่เป็น ตามบ้านนอกสมัยก่อน การปกครองคนงานต้องมีทั้งพระเดชพระคุณ คุณยายไม่รู้เรื่องธุรกิจที่คุณตาทำมากนัก นอกจากเรื่องโรงสี ฟาร์มหมู และร้านขายของชำ ที่คุณยายต้องรับผิดชอบโดยมีลูก ๆ คอยช่วยกันทำพอมีรายได้ส่งลูก ๆ เรียนหนังสือได้ ความลำบากยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อตอนเปิดภาคเรียน คุณยายต้องหาเงินให้ค่าเทอมลูก ๆ ค่าเสื้อผ้า ค่าหอพักและอีกจิปาถะ

         
  แม่เล่าว่า....วันหนึ่งคุณยายบอกลูก ๆ ว่าต้องขายช้างไปหนึ่งเชือก ให้ลูก ๆ ช่วยกันออกความเห็นว่าควรจะขายเชือกไหนดี เสียงเถียงกันดังระงมเพราะลูก ๆ ห้าคน (ที่มีปากเสียงได้) ส่วนอีกคนเล็กมากนอนแบเบาะ ยังพูดไม่ได้ พอโหวตแล้วคะแนนก็เสมอกัน คือ สามเสียง (รวมคุณยาย) ที่บอกว่าต้องขาย แม่ด้วน ส่วนแม่หนูกับพี่สาวและน้องชายคนถัดแม่ไม่อยากขาย แม่ด้วน เพราะมันเชื่องที่สุด ใจดีที่สุด และไม่เคยแผดร้องเสียงดัง ๆ เหมือนเชือกอื่น เมื่อถูกตะขอสับ!                        

            แม่บอกว่าในที่สุดต้องรอจนวันสุดท้ายที่ผู้ซื้อจะมารับช้างไป ให้ช้างทั้งสามเชือก (ที่มีควาญช้างจูง) มาเดินให้พวกแม่ซึ่งอยู่ในบ้าน เปิดหน้าต่างมายืนดู เหมือนนักร้องให้กรรมการเลือก ว่าใครต้องตกรอบ แต่นี่เดินเพื่อจะเลือกว่าใครต้องออกไปจากบ้านเรา ไม่ใช่แพ็คกระเป๋ากลับบ้าน แต่ต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ที่เป็นใครก็ไม่รู้..

            แม่บอกหนูเสมอว่า ช้างเป็นสัญลักษณ์ของทาสผู้ซื่อสัตย์ และเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดอีกด้วย แม่ด้วน ดูเหมือนจะมีลางสังหรณ์ ว่าต้องจากครอบครัวนี้ไป

            มันเดินอย่างเชื่องช้า เป็นตัวสุดท้ายไปที่หน้าต่างบานกว้างที่เปิดอยู่ โดยมีพวกแม่ยื่นหน้าสลอนมามองดู"

            แม่พยายามอธิบายให้หนูเข้าใจสภาพบ้านไม้ต่างจังหวัด ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ทางภาคเหนือ แม่บอกว่าช้างตัวสูงใหญ่การที่จะดูให้ถนัด จะเงยหน้าดูคงไม่ได้ ต้องอยู่ที่สูง จะได้มองทั่ว ๆ 

            

แม่ร้องไห้โฮ เมื่อยายมอง แม่ด้วน แล้วพูดว่า ด้วน..เธอนะแหละต้องเสียสละ เพราะแม่เลี้ยงเธอไม่ไหวจริง ๆ เธอช่วยทำงานไม่ได้แล้ว ไปอยู่กับคนรวยเขาเมตตา เขามีไร่อ้อย มีกล้วย มีอาหารให้เธอมากกว่าพวกเรานะ..

            ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ จะลุกจะนั่งทีก็ลำบาก โดยเฉพาะ ?แม่ด้วน? ซึ่งแก่มากแล้ว บางทีก็ป่วยทำงานไม่ได้
            วันนั้น แม่ด้วน นั่ง ใต้ต้นมะม่วง กว่าจะค่อย ๆ ลุกมาที่หน้าต่างได้ ก็ถูกตะขอสับไปหลายที แม่บอกว่า มันไม่อยากลุกต่างหาก เพราะรู้ตัวว่าต้องจากไป

            แม่ร้องไห้ และจ้องไปตรงนัยน์ตามัน เห็นน้ำตามันไหลริน และอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าต่างอีกนาน กว่าจะถูกควาญช้าง "ไสหัว"มันออกไป แม่ด้วนก้าวย่างอย่างหมดอาลัยตายอยาก...........เลี้ยวโค้งถนน..หายลับไป..ไปจากครอบครัวแม่ตั้งแต่นั้นมา

            เสียงร้องของมันยังติดหูแม่มาตลอด แม่หนูเป็นโรค แพ้ช้าง แม่ชอบอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับช้าง ถ่ายรูปกับช้าง ยืนจ้องมองตาช้าง หนูรู้ว่าแม่มีแผลที่รักษาไม่หาย..ใจแม่ทุกข์ระทมเกี่ยวกับเรื่อง แม่ด้วน หนูอยากให้แม่เลิกรักช้างเสียที ไม่ใช่เพราะอิจฉาว่าแม่รักช้างมากกว่าหนู แต่หนูสงสารแม่........



            

วันนี้ที่หนูลุกขึ้นมาเขียนเรื่อง แม่หนูกับช้าง เพราะหนูเห็นแม่ร้องไห้ (อีกแล้ว) แม่ดูวีดีโอ เรื่องเดิม ๆ นี่แหละ หากคุณอ่านแล้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่หนูพร่ำมาทั้งหมด หนูก็ไม่น้อยใจนะ ขอเพียงแต่คุณสละเวลาดูวีดีโอนี้ซักครั้งหนึ่ง..แล้วคุณอาจจะเข้าใจว่าทำไมหนูต้องลุกขึ้นมาเขียนเรื่องนี้...ใครก็ได้ช่วยแม่หนูที
*********************************************


ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่าของประเทศไทย มีคนยื่นผลไม้ให้ลูกช้างเชือกหนึ่ง มีลูกช้างพังเชือกหนึ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อถูกกักขัง ลูกช้างเชือกนี้ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกับ ผู้ฝึกช้าง ตั้งแต่เพิ่งเกิดมาดูโลกนี้ได้เพียงสองปีเท่านั้น ลูกช้างพังเชือกนี้ไว้วางใจคนในหมู่บ้านเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ได้รู้จักมีแต่มนุษย์เท่านั้น

ผลไม้ที่มีคนยื่นให้นั้นอยู่ห่างไกลสุดที่เธอจะเอื้อมถึงได้ เท้ากลมๆ กับขาสั้นๆ ขนาดใหญ่ทั้งสี่ข้างของเธอเดินก้าวไปบนพื้นดินอย่างช้า ๆ เธอได้ยื่นงวงเล็กๆ ผิวย่นกร้านสีเทาออกไปรับผลไม้ด้วยความอ่อนน้อม โดยที่ไม่รู้ว่าในแต่ละย่างก้าวนั้นทำให้เธอเคลื่อนตัวใกล้กับกับดักเข้าไปทุกที รวมทั้งการทารุณกรรมตลอดเวลาทั้งเจ็ดวันจะมีผลต่อสภาพจิตใจของเธอ

เธอยังอยู่ในวัยที่เจริญเติบโตและขณะนี้มีขนาดไม่สูงไปกว่าคนในหมู่บ้าน ที่ซึ่งแอบตีแผ่วงล้อมลูกช้างพังเชือกนี้ไว้ ขณะที่ลูกช้างย่างก้าวไปข้างหน้า ชายสองคนใช้บ่วงขนาดใหญ่คล้องคอลูกช้างพังนี้ไว้ ด้วยความตื่นตระหนกเธอถอยหลังและพยายามให้หลุดออกจากบ่วงนั้น แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว การกักกันได้เริ่มขึ้นและไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้
  ชาวบ้านพยายามหลบหลีกงวงที่ลูกช้างฟาดไปมา เธอพยายามหลบหนีและหวีดร้องด้วยความกลัว แต่เสียงที่เปล่งออกไปนั้นไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นเพราะแม่ของเธอได้ถูกนำออกไปจากหมู่บ้านล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว ลูกช้างพังเชือกนี้มีกำลังมากแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะกำลังของคนในหมู่บ้านจำนวนนับสิบๆ คนที่ช่วยกันดึงบ่วงซึ่งบาดเป็นแผลเข้าในผิวหนังบริเวณลำคอของเธอ 


กว่าจะมาให้ความบันเทิงแก่ท่านได้ ช้างสังเวยไปจำนวนกี่เชือก
**********************************************





ในความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ตั้งตนเป็นเจ้าของชีวิตช้าง ก็ยังมีน้ำใจสำหรับช้างผู้ลำบากเสมอ
ขอบคุณโรงพยาบาลช้าง ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ทรงละเลย ชีวิตของสัตว์ใหญ่ ผู้ไม่มีปากเสียงแต่มีสิทธิ์ ในชีวิตของตนเอง
*******************************



โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้างเป็นโรงพยาบาลช้างแห่งแรก ของโลก รักษาและบริบาลช้างเจ็บป่วยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นรักษาช้างทั้งในและนอกโรงพยาบาลช้างฯ แห่งนี้มาแล้วตั้งแต่ปี 2536 จนถึง 10 พฤษภาคม 2553 รวม 3,238 ราย
  • ช้างป่วยใน  531 ราย
  • ช้างป่วยนอก  531 ราย
  • สัตวแพทย์สัญจร  2,176 ราย
  • รวมรักษาไปทั้งสิ้น 3,238 ราย
ขณะนี้มีช้างอยู่ประจำคือเจ้าของยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ เพื่อนช้างอยู่ 4 เชือก คือ
1. พังอีเข้อ   2. พังอ้วน   3. พังโม่ตาลา   4. พังโม่ชะ
และนอกจากช้างที่อยู่ประจำแล้ว โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้างยังมีช้างป่วยอื่นและช้างท้องรอตกลูก เข้ารับการรักษาและพักอยู่ในโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อช้างอยู่ด้วยตลอด





เล่าโดย: หมาซินดี้
อ่านเรื่องของซินดี้ที่นี่


ดูวีดีโอ ความรักของแม่ช้างที่มีต่อลูก