2013-10-13

บทสัมภาษณ์ ล่ามคดีดัง เกี่ยวกับชาวต่างชาติในเมืองพัทยา

บทสัมภาษณ์ ล่ามคดีดัง เกี่ยวกับชาวต่างชาติในเมืองพัทยา



ผู้สัมภาษณ์: ศิริทานนท์
ผู้ให้สัมภาษณ์: วารีนา ปุญญาวัณน์
Share
บ่อย ครั้งที่หลายคนพากันสงสัยว่า ศาลไทยมีวิธีการตัดสินความอย่างไร เกี่ยวกับคดีที่มีชาวต่างชาติเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นโจทก์หรือจำเลย รวมถึงพยาน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผลในการติดสินออกมาในทางที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น หนังสือพิมพ์พัทยาเดลี่นิวส์ออนไลน์ ได้เฝ้าติดตามความคืบหน้าของคดีดังมากมายหลายคดี รวมทั้งได้เคยช่วยลูกความชาวต่างชาติในคดีต่าง ๆ มาแล้วเป็นเวลาหลายปี ด้วยผลสำเร็จที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากหลาย ๆ คดีที่มีชาวต่างชาติเกี่ยวข้อง มักจะมีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน และอาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้โดยที่ไม่มีล่ามแปลมืออาชีพ มาร่วมดำเนินการเป็นทีมกับทนายผู้รู้จริง รู้แจ้งและมีคุณธรรม
พัทยา เดลินิวส์มีล่ามพิเศษ ผู้ซึ่งทุ่มเทการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมทนายความชาวไทยผู้มีชื่อเสียงและมี ความซื่อสัตย์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทั้งด้วยความเคารพต่อระบบการตัดสินคดีความของศาลยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยประสบการณ์ของพีดีเอ็น และทีมงานทางกฎหมายที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในการตอบโต้ที่มีประสิทธิภาพในชั้นศาล โอกาสแห่งความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ แต่ที่แน่ ๆ คือ ล่าม ผู้ที่เป็นตัวกลางในการสื่อความหมายให้ถูกต้องและเที่ยงตรงที่สุดให้กับลูก ความชาวต่างประเทศนั้นมีความสำคัญยิ่งนักระหว่างกระบวนการตัดสิน
ต่อ ไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ล่ามผู้ทำหน้าที่สื่อความหมายในห้องพิจารณาคดีให้แก่ลูก ความชาวต่างชาติ โดยหนังสือพิมพ์พัทยาเดลินิวส์ ที่จะเปิดเผยถึงการทำงานร่วมอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่ต้องฝ่ากระแสของความ มีอคติและการคอรัปชั่น
คุณเคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้ในขณะที่กำลังช่วยเหลือชาวต่างชาติในการต่อสู้คดีความของพวกเขาหรือไม่?

แน่ นอน มันเกิดขึ้นหลายครั้งๆ ที่จริงแล้วทุก ๆ เคส เลยก็ว่าได้ คุณเคยลองคิดดูไหมว่า มันจะเป็นอย่างไรเวลาที่คนเราตกอยู่ในสภาพที่ต้องเป็นจำเลยเพราะถูกกล่าวหา ว่ากระทำผิดในสิ่งตัวเองไม่ได้ทำ ซึ่งพูดภาษาไทยก็ไม่ได้ กระบวนการทางกฎหมายก็ไม่เข้าใจ จะสื่อสารกับตำรวจหรือทนายให้เข้าใจก็ยาก มันเหมือนฝันร้ายของพวกเขาเลยล่ะ ส่วนเราผู้ที่เป็นทนายความและล่ามนั้น ยิ่งถูกคาดหวังว่าจะต้องรับโทรศัพท์จากลูกความได้ตลอด 24 ชั่วโมงเขานึกจะโทรมาหาเราตอนไหน เราก็ต้องตอบข้อข้องใจเขาได้ทันที มันคือฝันที่ร้ายยิ่งกว่าฝันของลูกความเสียอีก!!


เหตุผลต่างๆที่มักทำให้รู้สึกหนักใจก็คือ
1. ชาวต่างชาติผู้เป็นลูกความไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายไทยหรือบางทีแม้แต่ กฎหมายของบ้านเขาเองเขาก็ไม่รู้ เวลามีปัญหา ก็เที่ยวโทรปรึกษาเพื่อน (ผู้ซึ่งก็ไม่ค่อยรู้) ทำให้ไม่รู้กระบวนการ พวกเขาคาดหวังที่จะเห็นทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และไม่เข้าใจว่าศาลพัทยาเป็นศาลที่ยุ่งที่สุดในประเทศไทย เพราะต้องแบกรับหลาย ๆ คดีความทั้งระหว่างคนไทยกับคนไทยและคนไทยกับชาวต่างชาติ ฉะนั้นการแปลย่อมสำคัญที่สุด ต้องคอยระวังอยู่ตลอดไม่ให้ตัวเองสื่อความหมายที่ผิดเพี้ยนไป
2. เนื่องจากทนายความบ้านเราส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ทำให้ลูกความต้องหันมาพึ่งล่าม ทนายความที่ดิฉันทำงานด้วยเป็นคนที่ยิ้มแย้ม สุภาพมาก บุคลิกผ่อนคลายและเป็นทนายที่เก่งที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยร่วมงานมา ถึงแม้บางครั้งการสื่อความหมายในทางกฎหมายให้ลูกความเข้าใจจะเป็นไปได้ยาก แต่ดิฉันก็ไว้ใจในความสามารถของเขา ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดีในที่สุดเสมอ เป็นเช่นนี้เกือบทุกคดี
3. ชาวต่างชาติไม่ค่อยเคารพกฎของศาล ดิฉันต้องคอยปรามพวกเขาอยู่เสมอเช่น อย่านั่งไขว่ห้าง ไม่ยิ้มหรือหัวเราะเวลาที่สมควรจะเศร้า ไม่ใช้คำถามที่เสียดสีประชดประชัน ไม่พูดขึ้นเสียง ไม่สอนทนายความหรือผู้พิพากษา ไม่ทำท่าเหมือนกับว่าเป็นนักกฏหมายเสียเอง
เพราะอะไรคุณถึงไม่ร่วมงานกับทนายความที่พูดภาษาอังกฤษได้?
พวก เขาคงไม่ต้องการดิฉันแน่นอน ในโลกนี้มีทนายที่ทั้งดีและไม่ดี สำนักงานทนายความหลาย ๆ แห่งในเมืองไทยมีทนายที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เก่ง และเรียกตัวเองว่ามืออาชีพ แต่กลับไม่มีความรู้ลึกซึ้งถึงกระบวนการยุติธรรม ในพัทยาเองก็พบว่ามีผู้บริสุทธิ์ที่เคราะห์ร้ายชาวต่างชาติหลาย ๆ คนที่ต้องเผชิญหน้ากับคดีความ แล้วถ้าหากพวกเขาเป็นบุคคลที่มีเงินจำนวนมากพอ ก็จะตรงเข้าไปหาทนายผู้เรียกตนเองว่ามืออาชีพเหล่านั้น แม้บางครั้งก็รู้ว่าอาจไม่ชนะแต่ก็ยอมเสี่ยง ซึ่งทนายเหล่านั้นจะตอบรับลูกความของพวกเขาด้วยคำแก้ตัวที่สวยงาม หรือบางครั้งโน้มน้าวให้ลูกความสู้คดีต่อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถึงอย่างไรก็แพ้แน่นอน
ดิฉันไม่ได้บอกว่าทนายความที่ดี ไม่มีเลย จริง ๆ แล้วยังมีอยู่แต่ต้องขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อบุคคลผู้มีความเป็นมืออาชีพ อย่างแท้จริงและซื่อสัตย์เหล่านั้น ณ ที่นี้ได้
คุณชอบที่จะร่วมงานกับทนายที่ดี ฉลาด ซื่อสัตย์ แต่ไม่พูดภาษาอังกฤษ เพราะเหตุใด?
ก็ เพราะว่าอย่างน้อย ก็แน่ใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ละโมภ ทำให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างยืดเยื้อเพี่อเงิน แล้วเราก็ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยเขาจะรู้ว่าดิฉันจะไม่สนับสนุนหรือเปิดช่องให้เขาทุจริตในหน้าที่ได้ เพราะเป้าหมายในการทำงานของดิฉันคือ ต้องการพิสูจน์ให้ชาวต่างชาติยอมรับว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิด ไม่ได้มีการคอรัปชั่นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาอย่างที่เขาเข้าใจกัน ดิฉันคิดว่า เรื่องความด้อยคุณภาพในการสื่อสารนี่แหละเป็นประเด็นสำคัญ
อะไรเป็นเหตุจูงใจให้อาสามาทำงานตรงนี้
งาน นี้เป็นงานที่ควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าของและเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือ พิมพ์พัทยาเดลินิวส์ ซึ่งเป็นงานประจำ ดิฉันพยายามปรับปรุงพัฒนางานหลักของตัวเองอยู่เสมอ ข่าวของเราก็มาจากนักข่าวกลุ่มเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเพื่อนกันทั้งหมด ข่าวออกมาก็เหมือน ๆ กัน การติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ไม่สามารถทำได้ จึงทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนทานข้าวแล้วไม่ได้ดื่มน้ำ ดูละครไม่จบ อะไรประเภทนั้น เลยคิดว่าหากเรามีโอกาสได้ติดตามข่าวเอง ทั้งการสัมภาษณ์ การติดตามในคดีดังต่าง ๆ ในศาล ก็จะมีเรื่องราวมากมายที่เป็นประโยชน์ผู้อ่าน
ในบางครั้งดิฉันเหมือน กับว่าตกอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าทำอะไรก่อนหลังดี เช่นบางครั้งก็ต้องวางมือจากงานประจำที่ทำอยู่กะทันหัน เพื่อออกสัมภาษณ์ในเรื่องที่น่าสนใจ แม้บางครั้งจะไม่ได้ถูกนำไปตีพิมพ์ ซึ่งก็ทำไปด้วยบุคลิกและความชอบของตัวเอง
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือโดย ส่วนตัวดิฉันเอง เคยถูกเอารัดเอาเปรียบและได้รับความไม่ชอบธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้า หน้าที่ในบ้านเมืองมาก่อน ทั้งที่ก็เป็นเพียงคนทำมาหากินคนหนึ่งเหมือนคนไทยอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ใน เมืองนี้ เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ดิฉันเข็ดขยาดกับพวกระบบผูกขาดในเมือง แต่ก็ไม่เหมาว่าเป็นอย่างนี้ทั้งประเทศ อย่างที่เคยเห็นคือ คนจน ๆ เขาจะห่วงเรื่องการท่องเที่ยวของเมืองเขาขายของให้นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวคือผู้ ที่จะสนับสนุนให้พวกเขาอยู่รอดไปได้ด้วยดีในแต่ละวัน แต่คนที่เขารวยและมีอำนาจมาก ๆ คอยแต่จะหาทางทำเงินให้ตนเองให้ได้มากและเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือนักธุรกิจ รวมถึงนักลงทุนชาวต่างชาติด้วย
คอรัปชั่นในความรู้สึกของคนต่างชาติ คุณว่าเขามองยังไง
คน ต่างชาติก็เหมือนคนไทยนะแหละ มีทั้งคนดี คนไม่ดี คนขี้กลัว คนมักง่าย คนเห็นแก่ตัว ฝรั่งขี้กลัวเมื่อมีคดี ก็รีบจ่าย ๆ มองหาแต่หนทางที่จะไม่ต้องข้องแวะอะไรกับศาล กับคุก ทั้งนั้น ฉะนั้นคนเหล่านี้ก็เป็นเหยื่อทนาย เจ้าหน้าที่ (ที่ไม่ดี) บางรายน่าสงสารมาก กว่าจะมาถึงเรา (หมายถึงทนายกับล่าม ผู้ให้สัมภาษณ์) ก็โคม่าแล้ว ไม่มีเงินจ้างทนาย ทนายทิ้งมั่ง บางคนฆ่าตัวตายไปก็มี แต่กระนั้นชาวต่างชาติก็ไม่เข็ดหลาบ บางคนก็เสี่ยงค้ายา ค้ามนุษย์ ทำทุกอย่าง ถูกจับก็ออกได้ ประมาณนี้
แต่ ยังไงก็ตาม ความแตกต่างระหว่าง คนพื้นที่กับผู้มาเยือนหรือผู้เข้ามาทำกินในประเทศไทยคือ ผู้มาเยือนเขาจะเลิกล้มกิจการของเขาเมื่อไหร่ก็ได้ และจากไปได้ทุกเมื่อ ย้ายไปเรื่อย เวียตนาม ลาว กัมพูชา อ้างแต่ว่าเบื่อหน่ายกับการเมืองของเราที่ไม่สงบ เกลียดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การคอรัปชั่น แก๊งข้ามชาติ มาเฟีย และอื่น ๆ แต่ดิฉันก็มองต่างมุมว่าวันหนึ่งอะไร ๆ จะดีขึ้นได้ หากผู้ปกครองบ้านเมืองจะหันมาแก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่เพียงแต่ใช้ทรัพยากรของประเทศให้หมดไปจำนวนมากเพื่อพยายามที่จะโปรโม ตเมืองอย่างที่เป็นอยู่
ดิฉันเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเยอะตั้งแต่ มาช่วยงานคดีให้กับคนที่มาศาล และอยากจะบอกว่าดิฉันรู้สึกภูมิใจมากกับกรณีของแบรี่ที่เพิ่งผ่านมาว่าเรา ได้ทำดีที่สุด ช่วยให้ผลการดำเนินคดีออกมาอย่างเป็นธรรมที่สุด ท่านผู้พิพากษา(หญิง) ในคดีนี้ ท่านเป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาและเป็นตัวของตัวเองมาก ท่านเปิดโอกาสให้แบรี่พูดได้เต็มที่ถึงแม้บางอย่างจะไม่เป็นผลกับการพิจารณา คดี เพราะท่านเข้าใจดีว่าเขากำลังอยู่ในอาการโกรธเคืองและผิดหวังอย่างมาก และยังกล่าวกับดิฉันผู้ซึ่งพยายามแปลความหมายทุกคำพูดของลูกความว่า ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องแปลทั้งหมดก็ได้ บอกเขาว่าทุกอย่างที่เขาพูดมาทั้งหมดนั่นน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนิน คดี ก็จะไม่ถูกบันทึกลงไปเท่านั้นเอง (พูดง่าย ๆ ท่านอนุญาตให้ระบายความในใจ)
รายได้เป็นเหตุจูงใจให้คุณทำงานนี้หรือไม่?

ไม่ ใช่เหตุผลหลัก และหากจะตอบว่า เพื่อความสนุกก็คงไม่ใช่อีก การทำงานของเราต้องลงทุนกับการค้นคว้าอย่างมาก และเราต้องตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย ดิฉันต้องการพิสูจน์ให้คนต่างชาติรู้ว่า คนต่างชาติก็สามารถชนะคดีได้ หากคุณเป็นฝ่ายถูก ระบบศาลไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนบ้านเขานั่นแหละ ส่วนค่าตอบแทนที่เป็นธรรมสำหรับงานที่เราทำนั้น ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะได้รับมิใช่หรือ
ทนายความที่ทำงานร่วมกัน โดยปกติจะคิดค่าบริการกับลูกค้าในราคาที่เป็นธรรมอยู่แล้ว อย่างเช่นเคสของแบรี่ เขาเคยเกือบจะต้องจ่ายเงินให้ทนายความที่กรุงเทพฯถึง 2 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่เขาจ่ายให้ทนายคนแรกไปแล้ว200,000 บาท โดยที่ไม่มีอะไรเป็นผลดีกลับมาเลย (ความเห็นของแบรี่เอง) ทนายดิฉันคิดค่าทนายกับแบรี่เพียง100,000บาท แบรี่มาหาเราในขณะที่เหลือเวลาเพียง 1 เดือนเพื่อให้เราเตรียมตัว เราต้องพิจารณาศึกษาเรื่องราวอย่างละเอียด เราจะไม่เชื่อลูกความเราทั้งหมดอย่างแน่นอน เราต้องจับเท็จเขาด้วย
คดี นี้ฝ่ายโจษคือนายตำรวจ พยานก็เป็นตำรวจ ลูกความ(จำเลย) ก็เป็นฝรั่ง พูดไทยไม่ได้เลย ตลอดเวลา มีความเสี่ยง ความกดดันอยู่ตลอด มีการเรียกร้องเงินเพื่อปิดคดี (จากคำบอกเล่าของแบรี่และภรรยา) เราไม่เกี่ยวข้อง แต่เราไม่สนับสนุนให้มีการใช้เงินใด ๆหากทำยังงั้นแล้วกฎหมายก็จะมีไว้ทำไม ที่บอกว่า “ คุกเมืองไทยมีไว้สำหรับคนจนและเจ๊กที่ขี้เหนียว”น่ะ หมดสมัยไปแล้ว ในโลกการสื่อสารไร้พรมแดน การปิดบังและกวาดขยะไว้ใต้พรม ใคร ๆ ก็รู้หมดแล้ว คุกควรจะมีไว้สำหรับคนทำผิดจริง ๆ ไม่ใช่มีไว้ข่มขู่ หรือรีดไถคนไม่รู้กฎหมาย หรือคนโง่ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องรายได้แน่นอน ค่าของความเครียดมันน่าจะอยู่ประมาณ 2-3 แสนนะ ถ้าพูดแบบธุรกิจ
คดีดัง ฝรั่งถูกจับข้อหา พยายามฆ่านายตำรวจ ด้วยมีดพลาสติก !
คุณรู้จักกับแบรี่ได้อย่างไร?
เขาส่งอีเมลล์มาเล่าเรื่องของเขา
คุณคิดอย่างไรเมื่อได้รับอีเมลล์นั่น?
ไม่ ชอบเลย แล้วส่งต่อให้บ.ก.อีกคนดูเพื่อโต้ตอบกับเขา ในอีเมลล์เขากล่าวด้วยว่า จะอนุญาตให้หนังสือพิมพ์เรา ตีพิมพ์เรื่องของเขาได้โดยที่เขาจะไม่คิดค่าตอบแทน! ดิฉันยิ่งไม่ชอบใจใหญ่เลย เพราะเขามองว่าสื่อกระหายข่าวเหมือนเสือหิว โดยเฉพาะข่าวตื่นเต้นซึ่งมันก็ไม่จริงเสียทั้งหมด ดิฉันมีเรื่องราวที่น่าตีพิมพ์เยอะแยะไปหมด แต่เราก็มีจรรยาบรรณ มีความเป็นวิญญูชน เหมือนกันกับทุกอาชีพนั่นแหละ
แล้วทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำงานให้กับคดีนี้
มัน มีความน่าสนใจและดิฉันมีความรู้สึกว่า เขายังมีความจริงบางอย่างซ่อนอยู่อีก และยังบอกเราไม่หมด พอหลังจากนั้น ดิฉันได้ตรวจสอบดูเอกสารที่ส่งมาจากเขา รับฟังเรื่องราวทั้งหมดและสังเกตุการแสดงออกของเขา เพื่อที่จะเข้าใจมากขึ้น ในที่สุดเราตัดสินใจที่จะนัดพบกันพร้อมกับทนายความที่ดิฉันร่วมงานอยู่ด้วย ซึ่งมาจากกรุงเทพฯในวันถัดมาที่ออฟฟิศ
หลังจากทนายความอ่านเอกสาร ทั้งหมดแล้วเขาเอ่ยทันทีว่า “คดีนี้ง่ายมาก เราทำได้” ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้บอกแบรี่ไปอย่างนั้นเสียทีเดียว เพราะอาจทำให้เขาต้องส่ายหน้าและยิงคำถามมากมาย เพียงพยายามที่จะอธิบายให้เขาฟังว่าเราไม่เคยทำให้ลูกความแพ้คดีมาก่อน ไม่ใช่เพราะเก่งกาจอะไรแต่เพราะเราเลือกลูกความที่มีโอกาสที่จะชนะได้ถึง 80เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กรณีของเขาเป็นการถูกกล่าวหาที่ผิดอย่างแท้จริง หลังจากนั้นแบรี่จึงส่งข้อมูลการโต้ตอบกันทางจดหมายของเขากับทนายคนก่อน มาให้เราดู แล้วดิฉันจึงได้พบการสื่อสารที่ผิดผลาด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แบรี่รู้สึกผิดหวังและท้อใจ
มีอะไรที่พบว่าเป็นความยากในการทำงานกับคดีนี้?
1. แบรี่ไม่เชื่อหรือไว้ใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาคาดหวังว่าเราจะต้องรายงานเขาทุกวันว่าเราทำอะไรถึงไหน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เราได้ศึกษาคดีของเค้าแล้วก็รู้ถึงความเป็นไปได้ที่จะชนะ
2. ข้อมูลจากการแปลโดยภรรยาของเขาน่ะดี ซึ่งเป็นความจริงของเหตการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เรารู้ว่าในชั้นศาล มันอาจจะไม่ได้ถูกนำไปพิจารณาเลย สิ่งนี้ก็ยากที่อธิบายให้แบรี่เข้าใจได้
3. แบรี่ได้ดัดแปลงรูปร่างของมีดพลาสติกของเขา มันดูต่างไปจากที่เราเห็นในภาพถ่ายในครั้งแรก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทนายบอกว่านั่นไม่สำคัญ เราเพียงพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่า รูปเหตุการณ์ไม่ใช่การพยายามฆ่า
4. แทบตลอดเวลาที่พวกเขาคาดหวังให้ดิฉันทำตัวอย่างกับเหมือนหุ่นยนต์ หวังจะให้ดิฉันแปลทุก ๆ คำพูด ให้แม่นยำและรวดเร็วด้วย ด้วยตระหนักว่าถ้าหากผลของคดีออกมาในทางที่ไม่ดี จะส่งผลร้ายต่อชีวิตของแบรี่มาก ดิฉันจึงต้องระมัดระวังในทุกคำถามและคำตอบอย่างละเอียดละออ ถ้าไม่เช่นนั้น ผู้ถูกกล่าวหาต้องอาจกลายเป็นผู้กระทำผิดได้ หรือในบางคดี หากไม่ละเอียดละออก็อาจจะเป็นช่องให้อาชญากรแก้ตัวได้
อย่าง เช่นคดีของแบรี่ เมื่อแบรี่ถามคำถามกับโจทย์โดยผ่านการแปลของดิฉัน แล้วเมื่อเขากลับมาเป็นฝ่ายต้องตอบคำถามบ้าง คำตอบของเขามันไม่ตรงกับความต้องการของคำถามซะทีเดียว ดิฉันก็ต้องคอยกระซิบบอกเขาว่า “คุณตอบไม่ตรงคำถามนะ” ก่อนที่จะแปลคำพูดของเขาเฉพาะในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ มันอาจดูเหมือนไม่ถูกนัก แต่ดิฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์ของแบรี่ ซึ่งเขาเองก็ตระหนักดีว่าทุกคำพูดดิฉันสื่อสารออกไป เป็นไปในในทิศทางเพื่อแสดงสาระอย่างชัดเจนที่สุด
อย่างไรก็ตาม การทำงานกับแบรี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เรากลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด โดยเฉพาะกับ “คุณบี” ภรรยาของเขา เราจะไปนั่งสมาธิด้วยกันคราวหน้าด้วย และดิฉัน อยากจะขอบคุณคุณอาลันเพื่อนของแบรี่ ที่ยอมมาเป็นพยานให้ ตลอดจนคุณบี เวลาที่เธอพยายามอธิบายลักษณะท่าทางของแบรี่ต่อศาลนั้น แทบทำให้เราต้องปล่อยฮาออกมากลางศาล และอีกท่านทีอยากเอ่ยถึงคือ ผู้พิพากษาคนโปรดของดิฉัน ดิฉันต้องไม่ลืมที่จะนำช่อดอกไม้ไปฝากท่านให้ได้
สิ่ง สำคัญที่สุดที่อยากจะกล่าวในที่นี้ก็คือ ขอขอบคุณแบรี่ ที่ร่วมฟันฝ่ากับเรามาจนวันสุดท้าย ซึ่งช่วยให้เราได้พิสูจน์ว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฝรั่งคิด ดิฉันเคยทราบมาว่าภรรยาฝรั่งหลายคนจะแนะนำให้สามีของงพวกเธอใช้เงินใต้โต๊ะ เพื่อการปิดคดี ขอบคุณคุณบีที่ต่อสู้เคียงข้างสามี ดิฉันคิดว่าพวกเขาคือนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องที่แท้จริง
แบรี่ได้ รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่เขาโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งถูกปรับเป็นเงิน3,750บาท ผู้พิพากษาได้บอกกับบอกแบรี่ว่า “ต่อไปอย่าพยายามแก้ปัญหาเอง คุณต้องแจ้งตำรวจให้ดำเนินการให้”
เรื่องเศร้าของอลัน กับแผลเน่าของเมืองพัทยา
คุณพบอลันได้อย่างไร?
ทางอีเมลล์ค่ะ
อะไรที่ทำให้คุณช่วยเขา?
เขา มีเอกสารที่ครบถ้วนที่จะเป็นหลักฐานสำคัญสนับสุนนคดีได้ และทุกครั้งที่สัมภาษณ์เขา ข้อมูลของเขานิ่งไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วทนายความของเขาไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เลย และยังสารภาพกับอลันว่า เขาเกรงกลัวฝ่ายจำเลย

1. มันไปเกี่ยวข้องพัวพันกับเรื่องความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐและกลุ่มคน ที่มีอำนาจในสังคมพัทยา ดิฉันแน่ใจได้ว่า ผู้เป็นล่ามในคดีหลาย ๆ คนประจักษ์ดีว่าขณะที่ตนเองกำลังทำงานอยู่นั้น ต้องประสบกับอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย ซึ่งในบางคดีถึงกับโดนข่มขู่เอาชีวิต เพราะมีบางคนไม่ต้องการที่จะยอมรับกฏหมายของบ้านเมืองอะไรคือความยากในงานคดีนี้?

2. ดิฉันเริ่มที่จะออกสัมภาษณ์เพื่อสะสมข้อเท็จจริงอย่างสุขุมรอบคอบคนเดียวใน พัทยา ขณะที่อลันก็ทำเช่นนั้นในกรุงเทพฯ เขาช่วยได้เยอะมากแต่ในทางกลับกัน การป่าวประกาศให้หน่วยงานต่างๆได้รับรู้เมื่อขยายวงกว้างออกไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและยิ่งทำให้ดิฉันหนักใจมากขึ้นอีก
3. เขามีเวลาถึงแปดเดือนที่จะหาทนายความใหม่ แต่ไม่ได้เข้ามาติดต่อขอความช่วยเหลือจากดิฉันแต่แรก เอาแต่โพสต์คอมเม้นท์ในคดีอื่นที่คล้าย ๆ กันบนหน้าข่าวของหนังสือพิมพ์พัทยาเดลี่นิวส์ โดยเจตนาให้ผู้อ่านทราบว่าเขาได้เผชิญหน้ากับการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ของข้า ราชการ หรือมาเฟียในพัทยาขณะที่มีการดำเนินคดีฟ้องร้อง แล้วยิ่งเขาโพสต์มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผู้คนเกิดความเบื่อหน่าย และไม่มีใครสนใจอยากจะช่วยเขาอีก นี่รวมไปถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงคมนาคม ผู้ว่าจังหวัดชลบุรีคนก่อน และอื่น ๆ อีก ซึ่งทุกคนก็ยุ่งและไม่นำคดีของเขามาเป็นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรก ๆ ที่ต้องดำเนินการอย่างแน่นอน
แล้วสถานการณ์ปัจจุบันของคดีเป็นอย่างไร?
วัน ที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ทนายของเขาถอนตัว และเราได้พบว่าคดีความได้หมดอายุไปแล้ว และเราเชื่อว่าเขาทำเช่นนี้โดยความร่วมมือของบุคคลบางคนที่ไม่อาจเปิดเผย ชื่อได้
แต่ศาลท่านมีความเข้าอกเข้าใจมาก ท่านยังแปลกใจว่าทำไมทนายความถึงทำอย่างนั้นได้ ท่านกล่าวว่า “อย่างนี้ไม่ยุติธรรม” แล้วได้เลื่อนคดีมีอายุความต่อไปอีกถึงพฤษภาคม 2553 ตอนนี้อลันมีเพื่อนทนายความชาวไทยคนหนึ่งอาสาจะมาว่าความต่อให้
วัน นั้นหลังการพิจารณาคดี ทนายความและดิฉันปรึกษากันและมองเห็นว่าโอกาสชนะมีอยู่ริบหรี่ เลยเป็นจุดที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจพาอลันไปที่ศาลาว่าการเมืองพัทยาเพื่อพบ ท่านนายกเมือง
อลันได้พยายามที่จะให้มีการแถลงข่าวขึ้นในโรงแรมแห่ง หนึ่งในเมืองพัทยา เพราะข่าวในคดีของเขามีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเรือวึ่งเกิดขึ้น ค่อนข้างบ่อยมาก ที่คล้ายกันอยู่ในช่วงนี้ด้วย ซึ่งเกี่ยวกับอุบัติเหตุเรือชนกันเมื่อสองวันก่อน
ในบ่ายวันนั้น ที่ห้องทำงานของคุณรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เราได้พิมพ์เรื่องราวของอลันมอบให้ ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงให้วีดีโอเทปบทสัมภาษณ์อลันไว้ด้วย ดิฉันสังเกตได้ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนใส่ใจกับฉบับภาษอังกฤษมากนัก พวกเขาตรวจดูแต่ฉบับภาษาไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งในนั้นมีภาพถ่ายของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
พวกเราต้องเล่าเรื่อง ราวให้เจ้าหน้าที่หลาย ๆ คนฟัง จนกระทั่งมาถึงท่านนายกเมือง คุณ อิทธิพล คุณปลื้ม ท่านได้นั่งคุยกับเราอย่างเป็นกันเอง เราได้ทราบว่าเรื่องของอลันไม่ได้เคยถูกนำมาส่งถึงนายกจริง ๆ เลย ท่านยังกล่าวว่า “ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย แล้ว mister H นี่เขาเป็นใคร มาจากไหน”
ดิฉัน ประทับใจมาก ที่ได้เห็นสายตาแห่งความห่วงใยของคุณอิทธิพลที่มีต่ออลันขณะที่ถามอลันว่ามี อะไรที่จะให้เขาช่วยเหลือบ้าง ดิฉันกล่าวไปว่าเงินจำนวน 400,000บาทไม่ได้มากมายเลยสำหรับ mister H ที่จะจ่ายเป็นค่าชดเชย แต่ถ้าเขาคิดว่ามันมากเกินไป หน่วยงานรัฐและองกรที่เกี่ยวข้องก็ควรช่วยเหลือเพื่อแสดงรับผิดชอบ
คุณอิทธิพลสัญญาว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์เขาจะกลับมาพบเราอีกครั้ง และดิฉันชอบมากเมื่อท่านกล่าวว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้” วันนั้นพวกเราจากมาอย่างมีความหวัง
คุณเชื่อมั่นในระบอบของศาลไทยไหม
แน่ นอน ดิฉันเชื่อกฎหมายว่าเป็นสิ่งดี มีความศักดิ์สิทธิ์ ควรเคารพ แต่มันคนละเรื่องเกี่ยวกับการบังคับใช้ และผู้เอาไปใช้ ทุกอย่างมีช่องโหว่ ผู้ที่รู้กฎหมายย่อมได้เปรียบ เราต้องเคารพและศรัทธากฎหมาย แต่เรื่องโชคและดวงก็สำคัญนะ พวกเราโชคดี (มาก) ที่เจอแต่ผู้พิพากษาที่มีคุณธรรม มีความปรานี และให้โอกาสทุกฝ่าย ดิฉันอยากกราบขอบพระคุณท่านผู้พิพากษาทุกท่าน ที่เสียสละพิจารณาคดีที่มีความซับซ้อนต่าง ๆ ด้วยความอดทน ให้โอกาสแก่คนต่างชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ ขอให้เมืองไทยมีผู้พิพากษาอย่างท่านมาก ๆ คนจน และคนไม่มีเส้นสายจะได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน.