2011-10-25

คดีดัง ฝรั่งถูกจับข้อหา พยายามฆ่านายตำรวจ ด้วยมีดพลาสติก!


นี่คือความจริง จากการสัมภาษณ์และติดตามคดีดัง โดยทีมงานหนังสือพิมพ์พัทยาเดลินิวส์ซึ่ง เสมือนหนึ่งคำอธิบายว่า มันง่ายแค่ไหน ที่เรื่องโต้เถียงกันธรรมดาในเมืองไทย ได้กลายเป็นเหมือนฝันร้ายที่ติดตัวไปตลอดชีวิตของชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหรู เขตอำเภอศรีราชา ชลบุรี

เรื่องราวทั้งหมด ที่เกิดขึ้นนี้ถูกเผยแพร่ในข่าวภาษาอังกฤษและ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ต่างกับเรื่องปัญหาใหญ่กับนักท่องเที่ยวต่างขาติในเมืองไทยที่ถูกกระจาย ข่าวแพร่หลายในเวลานี้ที่ประเทศ อังกฤษ ชึ่งกระจายข่าวโดย อิงลิส บราโว ทีวี หรือเหมือนกับคดีดังของนาย แคฟคา ในละครตัวสำคัญ ของคดีอาญาที่กลายเป็น คดีพยายามฆ่า ที่ถนนข้างบ้านตัวเอง หลังจากเพื่อนบ้านเปิดเพลิงเสียงดังในงานเลี้ยงสองวันสองคืน
ภูมิหลังและประวัติของแบรี่ พาร์กินสัน
นาย แบรี่ เป็นคนดีที่น่านับถือคนหนึ่ง งานของเขาที่เคยทำมาที่ประเทศอังกฤษคือ เคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยเป็นผู้จัดการของบริษัทโฆษณา one time เคยเป็นประธานของ Squash คลับ ที่ Chichester Lawn Tennis Club และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีฐานะตำแหน่งความนิยมที่น่านับถือในบ้านเกิดของเขา

แบ รี่ ปัจจุบันอายุ 67 ปี ไม่เคยมีประวัติทำอันตรายใคร เขาเกษียณอายุแล้ว แต่งงานกับภรรยาคนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายของไทยและอังกฤษ ครองชีวิตคู่กันมาถึง 13 ปี ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน ใช้ชีวิตในบั้นปลายโดยเดินทางรอบโลก แบรี่หลงรักการล่องเรือไปในมหาสมุทรกับภรรยา และเขียนเรื่องราวของเขาให้เพื่อนฝูงได้รับรู้ว่าเขามีความสุขกับการใช้ ชีวิตในบั้นปลายอย่างสวยงาม เหมือนคนวัยเกษียณทุกคนใฝ่ฝัน
แบ รี่ซื้อบ้านหรูที่หมู่บ้านคันทรีโฮม ศรีราชา เลือกหมู่บ้านที่ห่างไกลแสงสี เพื่อที่จะอยู่อย่างสงบในวัยเกษียณ,หมู่บ้านที่เลือกนั้น เป็นหมู่บ้านใหม่ ห่าง จากใจกลางเมืองศรีราชา เพียง 5 กิโลเมตร ในหมู่บ้านมีบ้านประมาณ 170 กว่า มีชาวต่างชาติเพียง 6 ครอบครัว
แบรี่เล่าว่าเขาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อนเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่เขาตกเป็นจำเลยข้อหาพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ!!
เหตุการณ์ที่ชักจูงให้เกิดเรื่อง

เย็น วันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2551 เวลา 18.00 น. เพื่อนบ้านซึ่งอยู่ตรงข้าม ได้มีงานเลี้ยงใหญ่ และได้นำเอาเต๊นท์ มากางบนกลางถนน และเอา ทีวีขนาดใหญ่ จอ 50 นี้ว พร้อมลำโพงออกมาตั้งที่หน้าบ้าน ซึ่งหันหน้าตรงมาที่บ้านของแบรี่ และเปิดเพลงดังลั่นติดต่อกับการเปิดรายการตลกโชว์ เรียกเสียงหัวเราะตลอดทั้งคืน จนกระทั่งถึงเวลา 10.00 น. ของวันรุ่งขึ้น รวมเป็นเวลา 14 ชั่วโมง
แบรี่และภรรยา มีเพื่อนชาวต่างชาติมาพักอยู่ด้วยพอดี เขาชื่ออาลันเป็นชาวอังกฤษ อลันและแบรี่พยายามที่จะเปิดทีวีดูรายการ Australian Tennis Open แต่พวกเขาต้องปิดประตูหน้าต่างและเอาผ้าไปอุดตามช่องต่าง ๆ เพื่อให้เสียงเพลงอันดังลั่นจากบ้านตรงกันข้ามลอดเข้ามาในบ้านได้น้อยที่สุด
แบรี่เล่าว่า ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขากับภรรยาพยายามทน หรือไม่สนใจ กับการรบกวนหรือทำให้รำคาญใจ กับความประพฤติของเพื่อนบ้าน และครอบครัวของเขา เริ่มจาก 1. สุนัข ของเพื่อนบ้านที่เคยเห่าและจะกัดแบรี่ 2. ลูกชายของเพื่อนบ้านจะร้องไห้ทุก 6 โมงเช้า แม่ของเด็กจะป้อนข้าวและพาเขาเดินกลับไปกลับมาบนถนนหน้าบ้าน เด็กไม่อยากกินเขาก็ร้องไห้จะทำให้แบรี่ตื่นเพราะเสียงของเด็กร้องไห้ 3.ก่อนที่แบรี่จะซื้อบ้าน ทางโครงการได้บอกกับเขาว่า ห้ามเจ้าของบ้านทุกๆหลัง ที่อยู่ในหมู่บ้านใช้บ้านเพื่อทำธุรกิจ , แต่เพื่อนบ้านของเขา ดูเหมือนว่า เขาไม่ได้ทำตามที่ทางโครงการเคยบอกไว้ เพราะเขาได้ทำ ธุรกิจที่บ้านของเขาเอง โดยเปิดร้านขายอาหารเล็ก ๆ แต่หลังจากที่เกิดเรื่องและ ตำรวจจับแบรี่ไปแล้ว เพื่อนบ้านก็หยุดกิจกรรมการทำธุรกิจในบ้านไปทันที
1 ปีที่ทำให้เบื่อหน่าย และ รบกวนใจ

ที่เรือนสนุกเก้อร์ ..
ใน คืนวันอาทิตย์ ที่ 1 มีนาคม 09 หลังจากที่ดู รายการ เทนนิส โอเพิ่น ของออสเตรเลีย โชว์ในทีวี แบรี่ กับเพื่อนชื่อ อาลันได้ออกไปเล่น สนุกเก้อร์ ที่เรือนสนุกเก้อร์ของเขาซึ่งได้ต่อออกจากระเบียงของบ้านยื่นออกไปทางถนนที่ บ้านของเพื่อนบ้านอยู่ มีโต๊ะสนุกเก้อร์ใหญ่ที่อยู่ในห้องที่ปิดล้อมด้วยผ้าใบสีขาวสูง ราว 6 ฟุต. แบรี่ กับเพื่อนแทงสนุกเก้อร์ จนเวลาประมาณ 9:45 pm แบรี่ได้ยินเสียงตะโกนข้ามมาจากถนน เขาจึงเดินไปมองจากระเบียง แล้วก็มองเห็นคน ๆ หนึ่งอยู่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านคู่กรณีฝั่งตรงกันข้าม ที่นั่นไม่สว่างนัก แต่ไฟในบ้านของเพื่อนบ้านยังเปิดอยู่.
ครั้งแรกในการเผชิญหน้า
แบ รี่ เปิดเพลงของเขา ด้วย สเตริโอ ซึ่งก็ไม่ใหญ่นัก ถ้าจะเปรียบกับ เครื่องเสียงของเพื่อนบ้านในคืนก่อนเหตุ. เมี่อ PDN สัมภาษณ์ แบรี่ และถามเขาว่า เขาได้เปิดเสียงให้ดังขึ้นเพื่อแก้เผ็ดข้างบ้านหรือไม่, เขาตอบว่าใช่ แต่ลำโพงของฉันมันไม่ได้ใหญ่ ถ้าจะเปรียบเทียบกับเสียงสเตลิโอโรงหนัง 50” ที่เพื่อนบ้านได้เปิด 20 ชั่งโมง ก่อนหน้านี้
แบรี่มองเห็นคนยืนอยู่ ประตูก็เปิด และเขาเห็นคนยืนอยู่ตรงนั้น, ซึ่งแบรี่ คิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเพื่อนบ้านของเขา ด้วยความไม่พอใจที่สะสมมานาน แบรี่ตัดสินใจร้องถามไปว่า
“คุณได้เปิดเพลงรบกวนเพื่อนบ้าน ถึง 20 ชั่วโมง คืนนี้มาพังเพลงของผมบ้าง”
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตอบมาเป็นภาษาอังกฤษ อย่างชัดเจน (ชึ่งผิดปกติ เพราะแบรี่บอกว่าส่วนมากคนไทยจะพูดภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยได้)
คน ที่ยืนอยู่ตรงนั้นบอกว่า “ Turn your music off!” ปิดเพลงลง มันดังมากเกินไป ในตอนนั้น แบรี่ ได้เดินข้ามสนามหญ้าไปที่รั้วของเขาที่เป็นไม้บนกำแพงสูงระดับคอของเขา แล้วปีนขึ้นไปเหยียบ ขอบรั้ว แล้วก็ตกลงมาและก็ลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ และตะโกนไปว่า
“คุณไม่มีความเกรงใจ เพื่อนบ้านเลย และยังมาบอกให้ผมปิดเพลงของผมลง ทั้ง ๆ ที่คุณเองก็เพิ่มทำไปหยก ๆ ตั้ง 14 ชั่วโมงเต็ม ๆ”
ขยะของเสียหลังจากงานเลี้ยง
แบ รี่ บอกว่า ในระหว่างงานเลี้ยงสองวันที่ผ่านมา ได้มีขยะของเสีย เศษอาหาร ที่คนมางาน ได้ทิ้งไว้ บ้างก็อยู่ตามริมถนน บ้างก็อยู่บนขอบรั้วบ้านของแบรี่
แบรี่ให้สัมภาษณ์กับ PDN ว่า เขาไม่พอใจกับพฤติการณ์ของคนเหล่านั้น แต่เขาก็พยายามที่จะทำเฉยๆ มาถึงตอนนี้ ผู้เขียนได้ถามแบรี่ว่า เขาได้ดื่มเหล้ามากแค่ไหนในคืนที่เกิดเหตุ เขาตอบว่าเขาก็ดื่มเป็นธรรมดาเพื่อสงบอารมณ์ของเขา ไม่ได้เมาจนจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นในการขว้างแก้ว
แบ รี่กล่าวว่า เขามีสิทธิ์ ตั้งข้อสงสัย และหาเหตุผล เพี่อที่ จะสามารถ พิสูจน์ให้ ผู้พิพากษา ได้เห็นว่าเขา ขว้างแก้วด้วยมือข้างซ้ายและเขาลื่นตกจากรั้วในเวลาเดียวกันซึ่งทำให้แก้ว พลาดไปโดนคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นซึ่งก็ถือว่า มีความผิดได้ แต่กรณีสิ่งแวดล้อมจะสมควรลดหย่อนผ่อนโทษได้ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แบรี่ โกรธมากเมื่อชายคนนั้นตะโกนมาบอกให้เขาปิดเสียงเพลงลง บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาดื่ม หรือเขาคิดว่าผู้ชายคนนั้นขาดความเกรงใจ หรือไม่ให้เกียรติเพื่อนบ้าน แถมยังมาหาเรื่องกับเขาในการที่บอกให้เขาปิดเพลง
แบรี่ โกรธ จัด เขาปีนขึ้นไปบนขอบรั้ว ด้านในบ้านของเขาเอง และ ตะโกนตอบชายคนนั้นว่า “เอาอาหารและของเสียของคุณออกไปจากรั้วของผม” ว่าแล้วก็จับแก้วใบหนึ่งขึ้นมาขว้างไปที่หน้าบ้านที่มีชายคนนั้นยืนอยู่โดย ที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้โดนใคร แต่ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแก้วถึงได้พลาดไปโดนมือชายคนนั้นโดยไม่ ได้ตั้งใจ จากนั้นเขาก็กลับเข้าบ้าน ประมาณ 2-4 นาทีต่อมา ซึ่งเขาคิดว่าชายที่อยู่ตรงนั้นไปแล้ว และแบรี่คิดว่าแก้วที่เขาขว้างออกไปนั้นอาจจะแตก เขาจึงตั้งใจที่จะออกไปเก็บเศษแก้ว เพราะกลัวว่าเด็กจะเดินมาเยียบเศษแก้วที่แตกในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น นี้คือคำอธิบายที่แบรี่ให้สัมภาษณ์กับ PDN
ก่อน ที่แบรี่จะออกจากบ้านไป เพื่อเก็บแก้วที่เขาคิดว่ามันแตก เขามองเห็นชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่หน้าบ้าน และไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนที่ยังอยู่ข้างในที่เขามองไม่เห็น แบรี่จึงคว้าเอามีดปลอม ทำด้วยพลาสติก เหน็บหลังเขาไปด้วยอย่างน้อยก็ยังมีมีดปลอมออกมาโชว์เพื่อป้องกันตัว ถ้าเขาจะโดนรุมทำร้ายและเมื่อเขาเดินมาถึงถนน เขาก็เห็นมีชายสองคนยืนอยู่ยิ่งทำให้เขาพยายามอยู่ให้ห่างๆ เพราะไม่รู้ว่าชายสองคนนั้นจะโกรธเขามากแค่ไหนที่เขาขว้างแก้วออกมา เมื่อแบรี่มาถึงตรงที่เขาคิดว่าแก้วหล่นลงเขาก็ก้มลงและคุกเข่ามองหาแก้วที่ แตก แต่ก็พยายามอยู่ให้ห่าง ประมาณ 6 -10 ฟุต เมื่อเขาหาแก้วไม่เจอเขาก็ลุกขื้นเพื่อจะกลับบ้าน แล้วเขาก็ได้ยินเสียงถาม เป็นภาษาอังกฤษว่า
เมื่อเขามองไปตามเสียง เขาก็เห็นชายคนนั้นยื่นแก้วให้เขาดู แบรี่พูด “อ้อ คุณได้แก้วแล้ว” แบรี่ พูด “ขอ แก้วคืนให้ผม” ชายคนนั้นตอบ ปฏิเสธไม่ให้แก้ว พร้อมชักมือที่ยื่นออกมา กลับเข้าที่หน้าอกตัวเองแบรี่ ยักไหล่ บอก โอเค ไม่เป็นไร ในเวลาเดียวกันกับที่เขาจะหันหลังกลับ และหางตาของเขา เหลือบไปเห็นผู้ชายคนที่สองขยับและยกมือขึ้นเหมือนจะต่อยเขา แบรี่เลยชักมีดปลอมที่เขาเหน็บหลังมาด้วยออกมาเพื่อป้องกันตัว ซึ่งแบรี่ มารู้ทีหลังว่าผู้ขายคนที่สอง คือเพื่อนบ้านตัวจริง
จุดสำคัญที่ อาลัน พยานปากสำคัญ สามารถมองเห็น
อา ลันบอกกับ PDN ว่า หลังจากแบรี่ออกไปข้างนอกแล้ว เขาก็ยังเล่นสนุกเก้อร์ต่อ แต่ก็อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแบรี่ เขาจึงขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เพื่อให้หัวของเขาสูงพอที่จะเห็นได้ และเขาก็มองเห็นแบรี่และทุกคนที่ยืนอยู่ถนนอย่างชัดเจน อาลัน บอกว่า เขามองออกไปที่ถนนข้างบ้านและเห็นชายสามคน ส่วนแบรี่ คุกเข่าข้างหนึ่ง และมองหาแก้วแตก

ความเห็นและความเข้าใจของ แบรี่
เมื่อ PDN ถามแบรี่ว่า เขารู้จักเพื่อนบ้านของเขามากแค่ไหน เขาตอบว่า เขาไม่เคยได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านของเขาเลย อย่างดีก็แค่เดินสวนกัน และบ้านของเพื่อนบ้านถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คล้ายกับ สถานีรถไฟ มีคนเข้าคนออกอยู่ประจำ เขาไม่รู้ว่าคนๆ ไหนคือเจ้าของที่แท้จริง
ด้วย เหตุนี้ ในคืนที่เกิดเหตุ เขาถึงได้คิดว่าผู้ชายคนที่บอกให้เขาปิดเพลงลง เป็นเจ้าของบ้านที่จัดงานเลี้ยง และหลังจากวันที่เกิดเหตุผ่านไปได้ 2 – 3 เดือน ให้หลัง เขาถึงรู้ว่า เพื่อนบ้านตัวจริงคือ คนใหน
กรณี เรื่องมีด

อา ลันบอกว่า ขณะที่เขายืนอยู่บนเก้าอี้มองออกไปจากเรือน สนุกเก้อร์ ชายไทยทั้งสองคนไม่เห็นหรือรู้ตัวว่า เขามองอยู่ เพราะมีผ้าใบสีขาวกั้นอยู่ กลางถนน ยังมีเต็นท์ แต่เขาก็สามารถ มองลอดผ่านไปยังหน้าบ้านหลังนั้นอย่างชัดเจน เพราะมีแสงไฟเปิดอยู่ที่ โรงรถของบ้านหลังนั้น แต่เขาไม่อยากจะปรากฏตัวออกมา เพราะเขามีโรคหัวใจประจำตัว เพิ่งผ่านการผ่าตัด ต้องระวังไม่ให้โกรธหรือตื่นเต้นมาก

อา ลันมองเห็นขายทั้งสาม ยืนคุยกัน แล้วผู้ชายคนที่ยืนอยู่ด้านขวามือของ แบรี่ ก็ยกมือขึ้นเหมือนจะปัดผม แต่ไม่รู้ทำไม แบรี่ทำเหมือนจะก้มหลบบางอย่างและเงยขึ้นพร้อมกับชักมีดปลอม ยาว ประมาณ 15 นิ้ว ออมมาจากเอวด้านหลัง
ฉันถาม แบรี่ตอนที่ให้สัมภาษณ์ ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นเขาตอบว่า มีอะไรบางอย่างทำให้ผมคิดว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างขวามือจะต่อยผม ผมก็เลยชัดมีดปลอมออกมาให้เขากลัว และเพื่อป้องกันตัว
ทำไมแบรี่ถึงตัดสินใจต่อสู้คดีที่มองไม่เห็นทางว่าจะชนะเลย เพราะเขาถูกฟ้องโดยนายตำรวจ

ชาว ต่างชาติส่วนใหญ่หรือแม้แต่ผู้อ่านของ PDN ก็ไม่เคยคาดหวังว่าแบรี่จะชนะคดี ทุกคนบอกว่าเขาบ้าไปแล้วแค่ถูกฟ้องโดยคนธรรมดา ก็แย่แล้ว นี่ถูกฟ้องโดยนายตำรวจ ข้อหาพยายามฆ่าอีกต่างหาก!
 
ประเด็นที่น่าคิด

แบ รี่บอกว่า ทนายของเขาต้องพิสูจน์ให้ผู้พิพากษาเห็นให้ได้ เมื่อแบรี่ แกว่งมีดผ่าน ตำรวจคนนั้น ความสนใจมุ่งหมายของเขาอยู่ที่ ผู้ชายคนที่ 2 ไม่ใช่นายตำรวจ คน นั้น “การกระทำของแบรี่ ไม่ใช่พยามฆ่า แต่เป็นการทำเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น”
ผู้ขายคนแรกที่ยืนอยู่ต่อหน้า ของแบรี่ ห่างประมาณ 6 ฟุต ในมือหนึ่งถือแก้ว มืออีกข้างหนึ่งถือ โทรศัพท์ มือถือ ไม่ได้มี อะไรที่แบรี่จะกังวลมากนัก เพาระสายตาของเขาจ้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว แต่กลับตรงกันข้าม แบรี่กังวลกับผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านขวาของเขามากกว่า เพราะเขาเห็นชายคนนั้นแค่หางตา และความรู้สึก เมื่อชายคนนั้นยกมือขึ้น แบรี่ก็คิดว่า เขาจะต่อย จึงได้ชักมีดปลอมออกมา แล้วแกว่งหมุนไปทางขวามือผ่านชายคนแรก โดยปลายมีดห่างจากชายคนแรกประมาณ 3-4 ฟุต แต่แบรี่เข้าใจผิด เพราะชายคนที่สองยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ชกเปรี้ยงมาที่แบรี่อย่างที่เขาคิด
เมื่อ แบรี่หันกลับมาหาชายคนแรก เขาก็เห็นชายคนนั้นวิ่งหนีไปไกล ประมาณ 30-40 ฟุต แล้วและ แบรี่ ได้ยินเสียงชายคนที่วิ่งหนี ด่ากลับมาด้วย ในขณะที่วิ่งไป แบรี่ก็ไล่ตามชายคนนั้นไปตามถนนประมาณ 50 เมตร แล้วก็กลับเข้าบ้านไป
แบรี่ภูมิใจว่าและรู้สึกขำ ๆ ที่มีดปลอมของเขาหลอกคนได้ผล
 
แบรี่ตกเป็นผู้ต้องหาและถูกรวบตัวในเวลาต่อมา
เวลา ประมาณ 10:30 pm บี ภรรยาของแบรี่ ได้เข้ามาที่เรือนสนุกเก้อร์บอกว่า มีตำรวจมาที่ประตูรั้วหน้าบ้าน อยากจะคุยกับ แบรี่ แบรี่เดินออกไปพร้อมกับถือไม้แทงสนุกเก้อร์ไปด้วย
อา ลันมองออกไปเขาเห็นแบรี่ ยืนพิงเสา รั้วหน้าบ้าน และ เห็นตำรวจปฏิบัติการ กับแบรี่ อย่างรุนแรง ตำรวจได้จับมือของแบรี่ไขว้ไปข้างหลัง แล้วก็ใส่กุญแจมือแล้วเอาขึ้นรถ ปิ๊กอัพและกระแทกแบรี่ให้นั่ง แล้วขับออกไป
อ่านต่อที่นี่ค่ะ