2013-10-13

ชีวิตคนเรามันมีขึ้นมีลงเสมอ..พี่ใหญ่ก็เช่นกัน


พี่ใหญ่ เค้าเดินดูโอทอบกับน้องเล็ก..ผ่านหลายซุ้ม หลายผลิตภัณฑ์.. แต่พี่ใหญ่มาหยุดกึก!!อยู่ที่ โอทอบชิ้นนี้ ..และใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานมาก.. ทำไม?? ...

พื้นเพของพี่ใหญ่ท่านนี้ กี่คนในไทยจะรู้..ว่าพี่ใหญ่เป็๋นชาวฮั่นแท้ๆไม่มีสายเลือดแมนจูเลย พี่ใหญ่เป็นลูกชายของข้าราชการเล็กๆในสังคมจีนยุคเก่าในมณฑลอานฮุุยครับ คนที่มณฑลนี้90เปอร์เซนต์เป็นชาวฮั่นแท้ๆ(สมัยก่อนก็ที่นี่แหล่ะ ที่เป็นกบฎกับซูสีไทเฮาทั้งมณฑล) ..

สิ่งที่ทำให้ชีวิตของพี่ใหญ่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าคือ.. การถูกบังคับจากการที่เป็นกลุ่มปัญญาชน ไปเป็นแรงงานชนบท ในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อตอนที่จีนกำลัง *ปฎิวัติวัฒนธรรม* .. ตอนนั้นพี่ใหญ่อายุแค่18 เพิ่งจบมัธยมปลายเท่านั้น การเป็นแรงงานชนบทของพี่ใหญ่ในยุคนั้น พี่ใหญ่เค้ามีหน้าที่อะไรรู้มั้ยครับ??.. ก็ดูในภาพละกัน.. นั่นล่ะคือสิ่งที่พี่ใหญ่เค้าทำอยู่ถึง7-8ปี ในค่ายแรงงานชนบทเมืองเฟิ่งหยาง มณฑลอุยฮาน ..

ชีวิตคนเรามันมีขึ้นมีลงเสมอ..พี่ใหญ่ก็เช่นกัน ทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้ในสมัยนั้นของสังคมจีนท้องถิ่นคือ *การเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน* และด้วยการเป็นคนที่ได้รับการศึกษามา มีความรู้เหนือกรรมกรทุกคนในค่ายแรงงานที่นั่น พี่ใหญ่จึงได้เป็นหัวหน้าค่ายที่นั่น และไม่กี่ปี่จากนั้นในวัยแค่24ปีเท่านั้น พี่ใหญ่ได้รับรางวัล *บุคคลผู้โดดเด่นในด้านการเรียนคิดแบบเหมาเจ๋อตง* ..

จากนั้นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมืองเฟิ่งหยาง จัดการส่งพี่ใหญ่ไปปักกิ่งในฐานะผู้ถูกคัดเลือกประจำเมือง ให้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยลัยปักกิ่ง และพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้พี่ใหญ่เรียนสาขานิติศาสตร์ คนมันมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำอ่ะนะ บารมีบังเกิดด้วยตนเองเสมอ พี่ใหญ่ได้เป็นถึงประธานสภานักศึกษามหาลัยปักกิ่ง และอีกหลายๆตำแหน่งในส่วนของยุวชนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งปักกิ่ง พี่ใหญ่โดดเด่นมากในสายตาผู้เฒ่าทั้งหลายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนยุคนั้น (ธรรมเนียมของชนชั้นปกครองในจีนเนี่ย เวลาเค้ามองใครนี่ เค้ามองแต่เด็กๆนะ หากเค้าจะปั้นใคร เค้าจะเริ่มปั้นแต่เล็กแต่น้อย และจะเอามาใช้งานจริงๆก็นู่นอ่ะอายุ50อัพ) ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้พี่ใหญ่เรียนต่อระดับมหาบัณฑิต ด้านเศรษฐศาสตร์จนถึงขั้นปริญญาเอก (ดูเส้นทางที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเค้าส่งเสริมให้เรียนแล้วนั้น เราดูออกเลยใช่มั้ยว่า เค้าคิดจะปั้นพี่ใหญ่ให้เป็นใหญ่ในพรรคเพื่อให้ดูแลเศรษฐกิจประเทศแน่ๆ และวันนี้มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆซะด้วย)

และแล้วในที่สุด..เมื่อผู้เฒ่าระดับบิ๊กๆของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เริ่มเฟ้นหาตัวทายาทเพื่อสืบทอดอุดมการณ์พรรคในรุ่นต่อไป พี่ใหญ่เราก็คือ1ใน10คนที่ผู้เฒ่าของพรรคเลือกเอาไว้ดูตัว.. สุดท้ายเมื่อจีนเปลี่ยนนโยบายประเทศใหม่ เริ่มเปิดประเทศ จีนยุคใหม่จำเป็นต้องมีผู้ขับเคลื่อนที่หัวไม่ล้ามัยหรือ*ตกขอบ*กับระบอบคอมมิวนิสต์ คนที่เหล่าผู้เฒ่าในพรรคเลือกมารับไม้ต่อในยุคใหม่ของจีนมี5คนสืบต่อกันมาถึง5รุ่นในเวลาต่อมาคือ หลี่เซียเนี่ยน /หยางซ่างคุน/เจียงเจ๋อหมิน/หูจินเทา/สีเจิ้นผิง.. ยุคนี้..เป็นรุ่นที่5 เป็นรุ่น ปธน.สี เจิ้นผิง และมีพี่ใหญ่ของเราเป็นนายกฯ(จากการฝากฝังและสนับสนุนของผู้นำจีนยุคใหม่ในรุ่นที่4คือ อดีตปธน.หูจินเทา อดีตนักวิศกรรมทรัพยากรน้ำฝีมือเอกแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกพี่ของพี่ใหญ่มาก่อน) ยุคที่6ของจีนยุคใหม่ในวันหน้า..จะเป็นยุคของพี่ใหญ่ อดีตกรรมกรแรงงานชนบท ที่มีฝีมือแก่ะสลักไม้หินดินปูน เป็นที่ลือเลื่องไปทั้งเมืองในยุค 2517-2524ของเมืองเฟิ่งหยาง :)

ขอบคุณที่มา:
เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงใจ

No comments: