2019-10-16

ข้อคิดดีๆ หลังอายุ 60 ปีอยู่อย่างไรให้เข้มแข็ง


ในเมื่อคนอายุเกิน 60 ขวบอย่างคุณ ต้องเลิกเอาสุขภาพ ไปแลกกับความร่ำรวย ได้แล้ว มีเงินเท่าไร ก็ซื้อสุขภาพคืนมา ไม่ได้

คุณจะตอบได้ไหมว่าจะหยุดหาเงิน เมื่อใดเท่าไหร่ คุณถึงจะบอกว่า พอแล้วร้อยพันหมื่นล้าน พอรึยังไม่ทราบ ต่อให้คุณมีไร่นา นับพันไร่ คุณก็กินข้าวได้ แค่วันละสามจาน แม้มีคฤหาสน์ นับพันหลังคุณก็ต้องการพื้นที่ หลับนอนยามค่ำคืน เพียงแปด ตารางเมตร

ดังนั้นตราบใดที่คุณ ยังมีข้าวปลาอาหารกิน อย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้ สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ ก็ดีเหลือหลายแล้ว อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่าง เป็นสุข ทุกบ้านต่าง ก็มีปัญหาของตนเองอย่ามัวไป คิดเปรียบเทียบ แก่งแย่ ง แข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสีย งฐาน ะในสังคม หรือความก้าวหน้าของลูกเค้า ฯลฯ สิ่งที่ควรจะแข่งกัน ทำกันจริงๆ นั้น คือแข่งกัน มีความสุข แข่งกัน มีสุขภาพดี และ อายุยืนนาน ส่วนอะไรที่เรา เปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอก ฝังใจให้ป่วยการ และ ทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้ว ก็ยังเปลี่ยนมัน ไม่ได้เลย

หลังคุณ 50 แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทาง ของคุณเอง ที่จะสร้างชีวิตที่ เป็นอยู่ดีๆ และ สุขสดใส ขึ้นมาให้ได้ ตราบใดที่มัน ทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึง แต่สิ่งที่ทำให้ เป็นสุข ทำอะไรก็สุขสนุก กับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่า คุณได้ผ่านวัน เวลาอย่าง เป็นสุขแล้ว

ทุกๆวันวานที่ผ่านไป คุณจะสูญเสี ยไป 1 วัน แต่ถ้ามันผ่านไป อย่างเป็นสุข วันนั้นคือ กำไรชัดๆ เลย จิตใจที่ดี จะช่วยรักษาโรคภั ยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะ หายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจ ทั้งดี ทั้งเป็นสุข ด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่ว ย จะไม่มีทางมาแผ้วพานได้ ด้วยอารมณ์ที่ดี แจ่มใสอยู่เป็นนิจ

ออกกำลังกาย ให้เพียงพอ อยู่กลาง แจ้งบ่อยๆ กินอาหาร ให้ครบหมู่ ได้วิตามิน และ แร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ ก็เชื่อได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก 10 หรือ 20 ปี จะเป็นของคุณ แน่นอน

เหนือสิ่งอื่นใดคุณต้องรู้จัก บ่มเพาะ และ เก็บเกี่ยว ความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุย กับเพื่อนๆ เพราะเขาเหล่านี้ จะช่วยให้คุณ รู้สึกเยาว์วัย และ มีความหมาย อยู่เสมอ ขาดพวกเขาเมื่อใด คุณจะต้องรู้สึกสูญเสีย อย่างแน่นอนค่ะ

อ่านแล้วเห็น “สัจธรรมชีวิต” ในวัยชรากันบ้างมั้ยคะ ก็ต้องขอบคุณ ทั้งเจ้าของความคิด และทั้งผู้ส่งให้อ่าน ก็อยากบอกว่า อายุเราเลือกไม่ได้ ก็จริง แต่ชีวิต แต่ละช่วงชีวิต เราเลือกได้นะคะ


No comments: