2014-12-14

อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา

พลังความคิด อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจาโดย Super Pat
อ่านบทความนี้แล้วชอบใจ๊ชอบใจ จนทนไม่ได้ต้องนำมาแบ่งปันกับคุณๆเลยล่ะ อาจถูกใจคุณๆบ้างไม่มากก็น้อย และอาจทำให้คนบางคนที่มีใจอคติ ชอบคิดและมองคนในแง่ร้าย ได้คิด จิตสะอาด เป็นประโยชน์กับตัวเองและส่วนรวม จนได้พบความสุขทางใจกับเขาบ้าง

ความคิดย่อมนำโลกไป ความคิดทำให้โลกดิ้นรนบุคคลทั้งหลายตกอยู่ในอาจของความคิดอย่างเดียวเท่านั้น ความคิดมีอิทธิพล อาจดลบันดาลให้เราทำอะไรก็ได้ ตามอำนาจอิทธิพลของความคิดนั้นๆ ความคิดเป็นได้ทั้งมิตร และศัตรู เป็นได้ทั้งฝ่ายสร้างและทำลาย เสมือนหนึ่งเป็นดาบสองคม ใช้ถูกก็เป็นคุณ ใช้ผิดก็ให้โทษ เปรียบประดุจ คิดดีเป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าคิดชั่วพาตัวฉิบหาย ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราคิดชั่วมากๆ เจ้าความคิดชั่วจะรบเร้าผลักดันให้เราพูดชั่วและทำชั่ว ในทำนองเดียวเดียวกัน ถ้าเราคิดแต่เรื่องดีๆนานๆเข้าจะทำให้เราพูดแต่แต่เรื่องดีๆ และทำแต่ความดี

สังคมใดที่มากไปด้วยคนคิดชั่ว จะมีแต่เรื่องเป็นพิษเป็นภัยแก่สังคมนานัปการ บ้านเมืองระส่ำระสายวุ่นวายไปทุกหย่อมหญ้า สาเหตุมาจากอิทธิพลคนคิดชั่วเป็นผู้ก่อขึ้น ตรงกันข้ามหากสังคมใดมากไปด้วยคนคิดดี คิดสร้างสรรค์ สังคมนั้นก็มีแต่คนดูดี ทำดี ทุกหนทุกแห่งแข่งกันทำความดี เป็นศรีแก่ตนและสังคมส่วนรวม ประเทศชาติสงบสุข ความปลอดภัยในชีวิตประจำวันจะเกิดขึ้นในสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน

ความคิดวิถีชีวิตขึ้นอยู่กับความคิดเป็นผู้นำ
 ความคิดเป็นมัคคุเทศก์ ทำให้คนเดินตามเหมือนคนนำเที่ยวอย่างนั่นแหละ ความคิดมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของเรามาก ถ้าหากเราคิดและพูดเรื่องอะไรบ่อยๆ ในที่สุดจะพูดและทำตามอิทธิพลของความคิดนั้น บุคคลใดมีกระแสความคิดพุ่งแรงไปในทางใด วิถีชีวิตของเขาก็หันเหไปตามทางแห่งความคิดนั้น ความคิดของคนทำให้ดิ้นรน คนเรากระเสือกกระสนดิ้นรนไปตามอำนาจความคิดของตน โดยเฉพาะความคิดที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส เช่นโลภ อยากได้ของคนอื่นเขา อยากได้ทุกอย่างมาเป็นของตน คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปล้นสะดม ตีชิง วิ่งราว ต่างๆ ไหนยังจะความคิดที่เป็นไปด้วยอิทธิพลโทสะ จะทำให้กระเสือกกระสนดิ้นรนไปในการเบียดเบียน ฆ่าฟันรันแทง ทำลายล้างซึ่งกันและกัน พ่วงด้วยความคิดที่เป็นโมหะอิจฉาริษยา จะทำให้ดิ้นรนไปในทางลุ่มหลงมัวเมา ประมาทขาดสติ ทำในสิ่งไม่ควรทำ พูดในสิ่งไม่ควรพูด มีความทำลายล้างสูง
คนเราจะดีจะชั่ว จะมี จะจน จะโง่ จะฉลาด จะเสื่อม จะเจริญ อะไรก็ตาม จะตกอยู่ในอิทธิพลความคิดแต่อย่างเดียว คำว่าความคิดนี้ หมายถึง เจตนาตั้งใจคิด ไม่ใช่ความเพ้อฝัน ลมๆแล้งๆ เช่น อยากรวยทางลัด อยากรับมรดก นี่คือความเพ้อฝัน ทุกคนอยู่ใต้อำนาจความคิดทั้งนั้น หากคิดดี วิถีชีวิตก็ดำเนินราบรื่น เจริญก้าวหน้า แต่ถ้าคิดไม่ดี ชีวิตจะกระเสือกกระสนดิ้นรนไปตามอำนาจกิเลสตัณหา พาให้ตกทุกข์ได้ยากลำบากเดือดร้อนนานัปการ เมื่อทราบดังนี้แล้ว เราควรวางแนว ความคิด ของเราให้ถูกต้อง ในทางที่ดี มีความตั้งใจดี สุจริต เพราะความคิดของเราพุ่งไปในทางใด กระแสจิตน้อมไปในทางใด วิถีชีวิตของคนเราย่อมดำเนินไปในทางนั้น อีกอย่างหนึ่งเราต้องมีความคิดในการต่อสู้กับอุปสรรคชีวิต ซึ่งทุกคนต้องประสบอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้าง เข้าหลัก ทำดีต้องมีมาร ทำงานต้องมีอุปสรรคงานใหญ่อุปสรรคย่อมใหญ่ เหมือนเรือใหญ่โดนคลื่นใหญ่ คนที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตนั้นล้วนมีพลังความคิดอันเข้มแข็ง สามารถเอาชนะอุปสรรคได้ โดยไม่คิดหนี

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีความคิดเป็นประธาน สำคัญที่ความคิด สำเร็จด้วยความคิด ซึ่งมีอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เปลี่ยนแปลงสังคม หากคิดดี ย่อมพูดดี และทำดี โลกก็จะเจริญ ก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจเป็นสำคัญ แข่งขันพัฒนาจิตใจด้วยคุณธรรม อยากแนะนำให้ฝึกจิตคิดในทางที่ชอบอย่าปล่อยจิตให้คิดอะไรไปตามอารมณ์ เดี๋ยวจะยุ่งกันใหญ่เหมือนโคลงกลอน....ปล่อยให้ยุ่ง แล้วมันแย่ แก้มันยาก ยิ่งยุ่งมาก มันยิ่งแย่ แก้ไม่ไหว อย่าปล่อยยุ่ง นานนัก จะหนักใจ ยิ่งนานไป ยิ่งงงมาก ลำบากครัน.....หากฝึกจิตนานๆเข้า จิตเราจะเกิดความสงบ สะอาด สว่าง
  คนเราสำคัญที่จิต จิตเป็นผู้สั่งผู้บงการเป็นนาย ส่วนกายเป็นบ่าว หากเราฝึกจิตบ่อยๆจะทำให้จิตคิดไปในทางที่ดี ไม่มัวเมาลุ่มหลงใน รูป รส กลิ่นเสียง อันเป็นบ่วงแห่งมาร การไม่คิดพยาบาทอาฆาตจองเวรคนอื่นและสัตว์อื่นๆนั้น เป็นหลักการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น อภัย ยกโทษไม่โกรธเคือง มีเมตตา รักใคร่ ไม่คิดเบียดเบียน ร่วมดีใจเมื่อเห็นคนอื่นดี พ้นทุกข์จากความเดือดร้อน หากคิดดีๆจะทำดีได้เอง จงพากันนำไปใช้ในชีวิตประจำวันกันเถิด จะเกิดสิริมงคล ส่งผลดีทั้งแก่ตนเอง และสังคมส่วนรวมตลอดถึงสังคมโลก เมื่อเราไปทางไหนก็จะเจอแต่ไมตรีจิตมิตรภาพ ชั่วนิจนิรันดร.....

ดิฉันอ่านพบบทความนี้ในวารสารธรรมะแสงธรรมที่ดิฉันได้รับเป็นประจำเพราะชอบอ่าน เพื่อชะล้างจิตใจที่ได้รับมลพิษเป็นประจำจากสังคมน้ำเน่าของชุมชน(ไทย
?) บทความสอนใจต่างๆที่ดิฉันพยายามสรรหา เพื่อเป็นเครื่องกรองให้จิตใจดิฉันมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักให้อภัย มีเมตตา กรุณาไม่เดินหลงทาง คิดผิด หรือทำตัวไม่ดี เบียดเบียนผู้อื่น อิจฉาริษยา เป็นต้น เหนืออื่นใดเพื่อความสุขใจของดิฉันเอง
ดิฉันใช้วิธีปฎิบัติในการฝึกจิตตามแบบพุทธานุสสติ รำลึกถึงพระคุณของพระพุทธ, ธัมมานุสสติ รำลึกถึงพระคุณของพระธรรมม สังฆานุสสติ รำลึกถึงพระคุณของพระสงฆ์ ก่อนนอนทุกคืนที่หิ้งพระ ด้วยการกราบพระ 3 ครั้ง นั่งอยู่ในท่าสงบ หลับตา ภาวนาในใจว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆเรื่อยไป ซ้ำๆ บ่อยๆ อยู่อย่างนั้นแหละ ติดต่อกันโดยไม่ขาดสาย เริ่มต้นใหม่ๆอาจจะใช้เวลาสัก 10 นาที 20 นาทีก็พอ  แต่ถ้าสามารถทำได้นานก็ยิ่งดี แต่อย่าให้เกินประมาณสติกำลัง เพราะความรู้จักประมาณสติกำลังจะทำประโยชน์ให้สำเร็จ เมื่อฝึกจิตพอสมควรจึงเข้านอน หากทำอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาด จะทำให้จิตสงบลงได้ ลองทำดูสิคะ คุณจะสบายใจ ตัวและใจเบ๊าเบา ให้อภัยกับผู้หลงผิดคิดร้ายติอคุณ อย่างที่ดิฉันได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้

บทความดีๆอย่างนี้ดิฉันไม่อยากให้คุณพลาด จึงขอนำเสนอให้คุณอ่านเป็นอาหารสมอง ที่ถ้าคุณนำไปปฎิบัติ อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณและโลกนี้ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะผู้ที่หวังร้ายต่อดิฉันเป็นคนแรก ที่จะมีโอกาสยกระดับจิตใจของตนเองให้สะอาดขึ้นได้บ้าง ดิฉันขอรับประกันจากประสบการณ์ของตัวดิฉันเองเจ้าค่ะ.....ขอขอบคุณวารสารแสงธรรม วัดไทยวอชิงตันดีซี ที่ดิฉันนำบทความของ พระวิเทศธรรมรังสี หลวงตาชี มาเผยแพร่ต่อ ให้คุณผู้อ่านได้เก็บเกี่ยวสิ่งดีไว้พิจารณา มา ณ.ที่นี้ด้วย

บรรยายภาพ พลังความคิดสร้างสรรค์สามารถนำไปสู่งานระดับชาติได้ คืองานวันวัฒนธรรมไทยที่มีมาเกือบ 20 ปีแล้วและยังมีต่อเนื่องทุกปี ที่
 Barnsdall Art Parkในฮอลลีวูด โดย อ.วิบูลย์ วันประสาท และ เทเรซ่า ภิรมย์สามัคคี

ที่มา
http://www.sereechai.com/demo/news.php?no=8672


No comments: