2014-09-26

ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี "สิ บ ปี" กี่ครั้ง???


10 ปี/ 7ครั้ง
ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน?
ชอบประโยคนี้มากมันจริงอย่างยิ่งถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี..เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง
1. สิบปีแรก..หมดไปกับความไร้เดียงสา
2. สิบปีต่อมา..หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน
3. สิบปีต่อมา.หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต
4. สิบปีต่อมา..หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว
5. สิบปีต่อมา..หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่หามา.
6.สิบปีต่อมา..หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกาย-ใจให้แข็งแรง
7. สิบปีสุดท้าย..หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้าน
แต่ละสิบปีผ่านไป...ไวเหมือนโกหก

อีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมาย และก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ
** เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือ ของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น
-เราเอาเวลาไปแลกงาน
-เราเอางานไปแลกเงิน
-แต่เราก็ไม่เคยเอาเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้สักที
ถ้า 'ธนาคารเวลา' มีจริงเราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้..ว่าตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่?
** เรารู้ว่าเราใช้ "สิบปี"ของเราไปกี่ครั้งแล้วแต่เราไม่อาจรู้ว่า...เราจะใช้ "สิบปี" ที่เหลือของเราได้ครบมั้ย?
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่า?
เมื่อเราหันหลังกลับมา ขอให้พูดได้เต็มปากว่า เราใช้มันไปอย่างไม่น่า
เสียดาย "ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี"สิ บ ปี"สั ก กี่ ค รั้ ง กั น?"
ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเราใ ห้ คุ้ ม ค่ากับสิบปีปัจจุบันของท่าน

อ่านให้จบ คุณอาจจะหันมารักตัวเอง...สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ
- ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง บำรุง  - ไม่กระหายแต่ก็ต้อง ดื่มน้ำ
- ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง ปล่อยวาง - มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง ยอมคน
- มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก ถ่อมตน - ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง พักผ่อน
- ไม่รวยแต่ก็ต้อง รู้จักพอเพียง - ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก พักผ่อน
หมั่นเตือนตน: ชีวิตนี้สั้นนัก หากเวลาของคุณยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้ต่อให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง
ดังนั้น - อยากกิน...กิน- อยากเที่ยว....เที่ยว
- เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้ - สุขสบายทุกเพลา
- เวลาที่ยังจับมือไหวให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์
- เวลาที่ยังกอดไหวให้โอบกอดให้ชื่นใจ
- ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง เพื่อนที่ดีต่อไป
- เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่าได้โกรธกันง่ายๆ


เศรษฐินี 100 ล้าน ค้นพบโรค “วันหนึ่ง” !!!

No comments: