2014-09-28

เศรษฐินี 100 ล้าน ค้นพบโรค “วันหนึ่ง” !!!



หลายคนอาจไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังป่วยเป็นโรค "วันหนึ่ง" เพราะไม่เคย เชื่อว่า ดวงดาวแห่งโอกาสที่เหมาะสมนั้น ไม่เคยมีวันเรียงแถวเป็นเส้นตรงเป๊ะๆ เพราะดวงดาวที่ชื่อ Nuisance อันเป็นดาวสอดแทรก ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะทะเล่อทะล่า มาคั่นกลางแบบบิดๆ เบี้ยวๆ เสมอ

เราอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ในทุกที่ทุกเวลา และทุกคน ย่อมมีสิ่งที่ฉุดไว้ไม่ให้ไปถึงฝั่งฝันเสียที เพราะทุกครั้งจะดูเหมือนว่า เรามักมีข้อแม้หรือเงื่อนไข มาเลื่อนการทำฝันให้กลายเป็นจริงได้เรื่อยๆ เช่น รอให้ลูกโตกว่านี้อีกซักหน่อย รอให้พร้อมกว่านี้หรือรอให้มีเงินก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ รอให้ดวงดาวมาเรียงกันเป็นเส้นตรงก่อนก็แล้วกัน ฉันถึงค่อยทำความฝันให้เป็นจริง
และนี่จึงกลายเป็นที่มาของอาการ เช่น “วันนี้ยังไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา” หรือ “ถูกที่แล้วแต่ไม่ใช่วันนี้” กระทั่ง “เวลาดีที่เหมาะ แต่ไม่ใช่กับคนนี้”


ประโยคหนึ่งใน The Last Lecture หนังสือขายดีที่เขียนโดย Randy Pausch กล่าวว่า
มี กำแพงอิฐมหึมากั้นขวางหน้า ผู้คนที่ไม่มีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะทำลายกำแพง ก็จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ขวางกั้นคนที่อยู่ข้างหลัง ในที่สุดจึงกลายเป็นอุปสรรคก้อนใหญ่ที่ทำให้คนอื่นไม่สามารถฝ่ากำแพงไปได้ เช่นกัน
และ ผู้คนซึ่งรอกันอยู่ที่กำแพงนี่ล่ะ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า ความฝันของตนรออยู่ที่อีกฟากของกำแพง แต่พวกเขาหรือพวกเราก็มักจะหยุดลงที่ตรงนั้น หรือไม่ก็หันหลังกลับยอมแพ้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าฟันฝ่าไปให้ได้ก็จะกลายเป็นผู้ชนะ

ถ้าพวกเขาไม่ได้ป่วยเป็นโรค “วันหนึ่ง”
 ผู้ เขียนมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งค่ะ เธอเป็นเจ้าของธุรกิจร้อยล้าน มีชีวิตสุขสบายต่างจากผู้เขียนลิบลับ ที่วันๆ แค่จะเคลียร์เอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ ก็ดูจะหนักหนาสาหัสแล้ว
แต่ ความสำเร็จของเพื่อน คุณย่อมทราบดีว่า… ถ้าไม่ได้ไปคดโกงใครเขามา ก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อหยดน้ำตาไปมากมาย ตลอดระยะเวลาหลายปี เธอไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตาอันเจ็บปวด เธอมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เธอคิดว่า “ใช่” และบางครั้งเธอบอกว่า เธอเริ่มชินกับการปีนกำแพง ทำลายกำแพง และหลีกเลี่ยงกำแพง จนกำแพงกลายเป็นเพื่อนที่เธอยิ้มให้ในที่สุด
เธอทำให้ผู้เขียนอยากหายจากโรคนี้โดยการเปลี่ยนวิธีคิด ให้คิดง่ายๆ แค่ว่า เรามีเวลาเหลือคือ “เดี๋ยวนี้!” เท่านั้น

    คิด แค่ว่าเราได้ทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้แก่ชีวิตหรือยัง อย่าคิดถึงผลสำเร็จหรือผลลัพธ์ที่จะได้ ให้โฟกัสในสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ทุกขณะบนทุกย่างก้าวของเส้นทางสู่ความฝัน และอย่าลืมว่าชีวิตนี้สั้นนักวันนี้เธอโทรมา และประโยคแรกที่เธอถามก็คือ “รักษาโรควันหนึ่งหายหรือยัง?”
ผู้ เขียนอึกอัก ได้แต่อ้อมแอ้มตอบว่า “เป็นๆ หายๆ ไม่หายขาด” พร้อมกับเหลียวมองกองเอกสารที่รอการสะสางอยู่ชั่วนาตาปี เธอคุยเรื่องโน้นนี้อยู่นาน น้ำเสียงสดใสมีชีวิตชีวากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนวางหูเธอก็ยังคงพูดประโยคนั้น



“ตอนนี้นะเพื่อน ตอนนี้เดี๋ยวนี้ เท่านั้น”

ซึ่ง มันเป็นประโยคเดิม ใจความเดียวกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่สามีเธอได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทิ้งให้เธอต้องดูแลลูกๆ สามคนในสภาพถูกฟ้องล้มละลาย ชีวิตหรูหราต้องมาต่ำติดดิน กลายเป็นคนซึมเศร้า เราผู้เป็นเพื่อนทำได้แค่ปลอบประโลมและช่วยเหลือตามกำลัง แต่เธอเองกลับเป็นคนที่บีบมือผู้เขียนไว้แน่น ประหนึ่งเธอได้เข้าใจแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญและควรต้องทำโดยเร็วที่สุด เธอบอกผู้เขียนว่า

“สิ่งเดียวที่มีค่าและยังคงมีอยู่ คือเวลาที่เหลือ ตอนนี้นะเพื่อน ตอนนี้เดี๋ยวนี้เท่านั้น”


ผู้เขียน: วารีนา ปุญญาวัณน์

เพียงแค่ "สำนึกผิด" ก็เป็นการเพียงพอแล้ว