2013-12-21

มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตลอดกาลแต่ไร้ซึ่งความสุ

เรื่องของจอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตลอดกาลแต่ไร้ซึ่งความสุข เป็นตัวอย่างชีวิตของคนๆหนึ่งที่เมื่อมาถึงจุดตันของชีวิตทำให้มุมมองของชีวิตเปลี่ยนไป 

ร็อกกี้เฟลเลอร์เกิดในปี 1839 จากครอบครัวที่คุณพ่อเป็นพ่อค้าเร่ คุณแม่เป็นแม่บ้านที่เลี้ยงดูลูก 6 คน คุณแม่ปลูกฝังให้เป็นคนขยันขันแข็ง อดออมมาตั้งแต่เล็ก แต่ความทะเยอทะยานเดียวของท่านคือความมั่งคั่ง ท่านจึงเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเล็กมาก จนเมื่ออายุ 23 ปีท่านหาเงินหนึ่งล้านเหรียญได้เป็นครั้งแรก เมื่ออายุ 43 ปี กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทผู้ค้าน้ำมัน 


เมื่ออายุ 53 ปีท่านกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล จนได้รับการจดบันทึกให้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตลอดกาลในยุคปัจจุบัน เรื่องความร่ำรวยของ ว่ากันว่าท่านมีทรัพย์สินมูลค่ามากถึง สามแสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มากกว่า บิลเกตซึ่งมีเพียงแค่หกหมื่นล้านเหรียญเมื่อเทียบกับของร็อกกี้เฟลเลอร์ 


จุดหักเหของชีวิตเกิดขึ้นเมื่ออายุ 53 ปี ในเวลานั้นแม้รวยจนล้นฟ้า แต่ท่านกลายเป็นคนทีเคร่งเครียดมาก นอนไม่หลับเป็นเศรษฐีที่ไม่มีความสุข ไม่ค่อยมีใครอยากทำงานด้วย ท่านอยากให้คนรักแต่มีคนชอบท่านเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง มีคนเกลียดชังมากมาย จนต้องมีบอดี้การ์ดไว้คอยคุ้มกัน ในที่สุดท่านป่วยเป็นโรคระบบการย่อยอาหารพิการ เกิดอาการผม ขนตา คิ้วร่วงผิดปกติ ทานอาหารไม่ได้ เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แม้ท่านมีเงินมากมายมหาศาลต่อวัน แต่กินได้แต่นมและขนมแต่เล็กน้อยเป็นอาหาร หมอบอกว่า ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงปีเดียวเท่านั้นถ้าไม่ปล่อยวางและจัดลำดับความสำคัญของชีวิตเสียใหม่


ในช่วงวิกฤตของชีวิตนี้เองที่ท่านได้คิดและตระหนักว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่าเงินทอง ตายไปก็เอาเงินติดไปไม่ได้แม้แต่เซนต์เดียว บัดนี้ท่านยอมรับแล้วว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว ท่านจึงกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสุขมากกว่าเดิม ท่านนำเงินไปบริจาคช่วยเหลือคริสตจักรและองค์กรการกุศลมากมายและ ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการค้นคว้าด้านการแพทย์ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะชนอย่างประเมินค่ามิได้ ยกตัวอย่างเช่นการค้นพบยาเพนนิซีลีน ร็อกกี้เฟลเลอร์ได้ใช้ชีวิตต่อมาด้วยความสุขจากการให้ มากกว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างฐานะให้กับตนเอง ท่านไม่ได้ตายเมื่ออายุ 54 ปีตามที่หมอระบุไว้ แต่ตายเมื่ออายุ 98 ปี



******************************************************************************************************

Rockefeller, at the age of 86, penned the following words to sum up his life:

"

I was early taught to work as well as play,

My life has been one long, happy holiday;

Full of work and full of play-

I dropped the worry on the way-

And God was good to me everyday. "
.

[แปลเต็มๆ ไม่ค่อยถูก ขอจับใจความแล้วแปลเป็นกลอนน่าจะเข้าทีกว่า]

ร็อคกี้เฟลเลอร์ เมื่ออายุ 86 ปีได้เขียนบทกวีสรุปถึงชีวิตเขา

กลอนบทนี้มีความหมายคล้ายดังว่าต่อไปนี้ :

...ความลับของเจ้าสัวมหาเศรษฐี...  




..ทำงาน เหมือนอย่าง เล่นสนุก

เจ้าจะได้ ความสุข อย่างฉันเห็น
ให้ทำงาน เต็มที่ อย่างฉันเป็น
เตะทุกข์ให้กระเด็น พระเจ้าก็จักเป็นกำลังใจ.

No comments: