2012-08-18

แก้ว พงษ์ประยูร เจ้าของตำนาน ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยังมีชีวิตอยู่

ลองมาดูโดยไม่กระพริบตา ดูกันให้เสร็จ ๆ ไป และ ดาวโหลดไว้ให้ลูกหลานดูนะคะ ในอนาคตหากเรา Searchเป็นภาษาไทย เกี่ยวกับโอลิมปิกส์ ปี 2012 มันคงขึ้นติดอันดับ 1 ตลอด (หากวีดีโอนี้สามารถโพสต์ใน youtube ได้)
http://www.facebook.com/photo.php?v=10151019912018892&set=vb.714208891&type=2&theater


สำหรับเราขอสารภาพว่า ทีแรกตอนดูจากถ่ายทอดสดก็โมโหไปตามกระแส ลึก ๆ ก็ คิดว่า ต้องให้เกียรติกรรมการ คนไทยเป็นประเภทรักแรงเกลียดแรง เดี๋ยวคงทำใจได้ แต่พอเพื่อนส่งวีดีโอนี้มา(บังคับ)ให้ดู (แบบสมมุติว่าเป็นคนชาติอื่น คือ คิดว่าเราไม่ใช่ทั้งคนไทย คนจีน เราดูแบบ วิเคราะห์ แบบคนแก่ ไม่รู้เรื่องหมัด ๆ มวย ๆ เขียนนิยาย ไปตามอารมณ์น้อยใจ
Score ที่ระบุนี้ คือ จีน – ไทย นะคะ ตามที่วีดีโอระบุไว้
วีดีโอนี้ ขึ้นไตเติ้ลว่า The shame of Olympic Referee (ความอัปยศของผู้ตัดสินกีฬาโอลิมปิก)
ผู้โพสต์บอกว่า
แจ้งทุกท่านว่า upload บน youtube แล้วครับ แต่โดน block ด้วยโปรแกรมของ youtube ว่าเป็น content ของ olympic ครับ



แก้ว พงษ์ประยูร
พระเอกยอดนักสู้ ตัวเล็ก ใจใหญ่ ที่กลายเป็น เจ้าของตำนาน ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ (ไม่เหมือน โผน กิ่งเพชร แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ หรือนักสู้คนอื่น ๆ หลายคน จากหลายวงการที่ มักจะมีคนยกย่องว่าเป็นตำนานเมื่อตกอับ ล้มป่วย หรือจากโลกนี้ไปแล้ว) แก้วเป็นพระเอก และจะเป็นที่กล่าวขวัญไปตลอดว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้ถูกปล้นชัยชนะอย่างหน้าด้าน ๆ

เราเห็นสายตาและความกระตือรือร้นของแก้ว ในนาทีที่กรรมการตรวจ Head guard เขามุ่งมั่นมาก ๆ สายตาคู่นั้นเหมือนจะบอกว่า “ ผมจะทำให้ดีที่สุด นี่คือนาทีที่ผมรอมาทั้งชีวิต”

ยกแรกนาทีที่ 1.45 (ในที่นี้หมายถึงเวลาในวีดีโอชุดนี้นะคะที่รันเวลาต่อเนื่องกันไปจนจบ 3 ยก) คะแนนยังเท่ากันอยู่ 0-0 (จีน-ไทย) ไอ้เจ๊กZou Shiming ต่อยไม่มีฟอร์มของแชมป์เลย ถึงเราจะไม่ชอบดูกีฬามวย แต่ก็ไม่โง่ขนาดดูไม่ออกว่าไอ้ซูเริ่มตุกติก

มาโลนีย์ แอล. ซามาโก้ จากเว็บไซต์ philboxing.com ของฟิลิปปินส์ วิจารณ์ว่า"ซูสู้ด้วยแทคติคสกปรกที่ขึ้นชื่อของตัวเอง ทั้งวิ่งหนี เข้ากอด และล็อกแขนแก้ว” เห็น ๆ เลย ทุเรศสุด ๆ แต่แก้วผู้เพียรพยายามของเราก็ ซัดหน้ามันเต็ม ๆ เป็นคะแนนแรกในนาทีที่ 1.47 สมน้ำหน้า !
นาทีที่ 2.56 ไอ้เขียดตะปาดก็ฟาดเข้าหน้าแก้ว 1 ที ได้ 1-1 เสมอกัน แล้วมันก็กระโดดกระหยองกระแหยง พล่านต่อไปทั่วสังเวียน
นาทีที่ 2.42 แม่งง มันเริ่มพุ่งเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยง จนแก้วทำอะไรไม่ถูก
นาทีที่ 3.30 มันกอดคอ (เรียกว่าหนีบคอแก้ว ล็อกเข้ามาใต้จั๊กแร้มันเลย กรรมการ ยืนมองเฉย
นาทีที่ 4.26 มันหนีไปล้มลงที่มุมแก้วตามติด จับคอมันไว้ แต่แล้วแก้วก็ปล่อยและเดินหนี ด้วยอารมณ์ที่ดูย้อนหลังแบบนี้ ก็เจ็บใจ คิดแทนแก้วว่า “ กูน่าจะ บีบคอแม่งง มันเลย เพราะ ในประวัติศาสตร์(ก็เคยมี กัดหูกันด้วย สะใจดี”
นาทีที่ 5.14 เจ้าเขียดตะปาด วิ่งเข้าชนเอาดื้อๆ จนแก้วเซถอยร่นจนติดเชือก. พอดีระฆังหมดยกแรกดังขึ้น คนพากย์บอกว่า 2-1 ยุติธรรมดีแล้ว

แว่บหนึ่งกลางๆยกแรก เราเห็น สายตาพระเอกของเรามีกังวลนิดหน่อย (เราอาจจะคิดไปเอง) เราคิดว่าเขาคง มึนงง และคิดว่า “กูจะทำยังไงดีกับ ไอ้เจ๊กนี่วะ แม่งง กดหัวกูอย่างเดียว แบบนี้พลิกตำราเล่มไหนดี มันหน้าที่ของกรรมการไม่ใช่เหรอที่จะเตือนมันมากกว่านี้ ทำไมไม่ตัดคะแนนมันวะ หรือกูต้องต่อยไป ฝากความหวังไว้กับกรรมการไป ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย (ถ้ามีจริง) ถึงเวลาช่วยไอ้แก้วที”

เขาคงรู้ว่า สำหรับประเทศไทยของเราโอกาสลุ้นเหรียญค่อยๆ หมดไปกีฬาแล้วกีฬาเล่า ทุกคนฝากความหวังไว้กับเขาคนเดียว โคตรกดดันเลย!
พอระฆังยกที่สองดังขึ้น ตอนนี้ที่คนพากย์บอกว่า โค้ชให้กำลังใจตบหลังแก้วแล้วบอกแก้วว่า ทำดีแล้ว ทำดีต่อไป คุณแข็งแรงกว่าเห็น ๆ คนพากย์วีดีโอชุดนี้ ชมตอนท้ายว่า ฝึกมา( อย่างอดทน)ตั้ง 9 ปี ( น้ำเสียงชื่นชม) ดูสีหน้าแก้ว ก็มีความมั่นใจมากขึ้น
มาร์ตินเบตส์ แฟนมวยลูกครึ่งอังกฤษ-บราซิลกล่าวกับผู้สื่อข่าวเครือมติชนว่า"ตั้งแต่ยกแรก ผมเห็นคนของคุณต่อย ก็เอาใจช่วยแล้ว เขาชกได้ดีมาก เป็นนักสู้ ส่วนนักมวยของจีน ผมไม่ชอบแทคติคที่เขาใช้ ไฟต์นี้เป็นไฟต์ที่ดี คนของคุณสมควรเป็นผู้ชนะ ผมว่าคำตัดสินที่ออกมาแย่มากๆ"
มีคนโพสต์ในfacebook บอกว่า ดูวีดีโอมันไอ้ซูมันน่าจะแพ้ตั้งแต่เจอไอร์แลนด์รอบรองแล้ว ยก3เจอไอร์แลนด์ต่อยแทบร่วงเสมอ15-15ยังทะลึ่งชนะคะแนนดิบ เพราะมันเป็นแชมป์น่ะ

วีดีโอนาทีที่ 6.55 เริ่มคลุกวงในกัน
นาทีที่ 7.32 กลายเป็น จีนนำ 4-3 คนพากย์ บอก ไอ้เสื้อแดง(หมายถึง ไอ้ซูนะ อย่าคิดเป็นอื่น) เริ่มมั่วแล้ว ดูมันมั่นใจจนออกนอกหน้า
นาทีที่ 7.47 คะแนน เป็น 4-4
นาทีที่ 8.04 ขึ้นมาเป็น 5-5
นาทีที่ 8.22 คนพากย์บอก ไอ้เจ๊กมันจ้องหาทางจะรัดคออย่างเดียว
นาที่ที่ 8.25 แก้วรัวใส่ หลายหมัด คนดูฮาปาก แต่คะแนนไม่ขยับเลย เราสงสารแก้วจนน้ำตาคลอ เพราะเขาก็ยังเพียรพยายามเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ คงจะเจ็บน่าดู กว่าจะได้สักเหรียญรางวัลเรียกว่า เลือดตาแทบกระเด็นจริง ๆ
นาทีที่ 8.30 แก้ว สอยมานำอีก 1 คะแนน เป็น 5-6 เราเชื่อว่าเค้าย่อมรู้ดี คนดูก็รู้ดี โดยเฉพาะคนที่เกาะติดอยู่ที่เวที คงคิดว่า “ ต่อยChip-hai ได้คะแนนเดียว”
สำหรับแก้ว ด้วยวัยขนาดนี้ คงไม่มีครั้งหน้าสำหรับ เขา อีกแล้ว คำว่า”สู้ยิบตา” จึงน้อยไปสำหรับคำบรรยายความรู้สึกของ”สุภาพบุรุษฉบับกระเป๋า” ของโลกคนนี้
นายเจ๊ก กระโดดหลอกล่อเหมือนลิง กอดรัดมั่ง กดหัวแก้วมั่งสลับกันไป จนนาทีที่ 9.04 ในวีดีโอ หรือนาที่ที่ 3.51 ของยกที่ 2 มันก็เอาคืน ตามมาเป็น 6-6 คนพากย์ บอกอย่าง งงๆว่า หมัดนี้ ไม่เต็มที่เท่าไหร่ “ It didn’t quite work!” เขาบอก แต่คะแนนก็ขึ้น กรูก็งงเหมือนกัน (ผู้เขียน)
นาที่ที่ 9.25-27 แก้วดูโกรธมาก หรือฮึกเหิมก็ไม่รู้ วิ่งเข้าใส่ และรัวหมัดใส่ไอ้เจ๊กอย่าง สะใจคนดูจริงๆค่ะ คะแนนพุ่งขึ้นติด ๆ กัน เป็น 6-8 แต่ไอ้เจ๊กเอาคืนตามมา เป็น 7-8 ในนาทีที่ 9.48 เสียงฮาดังรอบสนาม คนพากย์ในวีดีโอบอก นักชกไทยเอาจริงแล้ว เคลื่อนไหวเร็วขึ้น อะไรกันวะ มันคงรู้จักคนไทยน้อยไป สุภาพบุรุษนักสู้ ที่สายตาดี มีไหวพริบเป็นยอด เอาจริงตั้งแต่ นาทีแรกแล้ว แต่โดนแผนสกปรก ใครจะตั้งตัวทัน แก้วรู้แล้วว่า ถ้าไม่รีบเก็บคะแนน ไอ้ นั่นคงเต้นจนจบเกมส์แน่ ๆ

ก่อนหน้านั้น นักข่าวที่ไปสังเกตการณ์ต่างก็รายงานตรงกันว่า ใช่จะมีแต่แฟนกีฬาชาวไทยที่กรี๊ดสุดใจทุกครั้งที่ "จ่าแก้ว" ขึ้นสังเวียน เพราะท่าทางซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมพิษภัย ประกอบกับรูปร่างเล็กกะทัดรัด กับฝีมือที่ยิ่งใหญ่เกินตัว ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนกีฬาชาติอื่นๆ ไปโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าทุกครั้งเวลา "แก้ว" ขึ้นสังเวียน จึงมีเสียงเชียร์ "ไทยแลนด์" ดังกระหึ่มยิ่งกว่าจำนวนคนไทยที่เข้าไปชมในสนาม โดยเฉพาะตอนที่ "แก้ว" กระโดดเข้ากอดโค้ชที่มุมเวทีหลังเอาชนะ "เดวิด ไอราเปเตียน" นักชกจากรัสเซีย ด้วยอาการดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ยิ่งทำให้ทุกคนในสนามอมยิ้มไปตามๆ กัน เรียกว่า แก้ว ได้รับความ”เอ็นดู”จากแฟนกีฬาทั่วโลก

กลับมาดูวีดีโอต่อกันดีกว่านะคะ
นาทีที่ 10.02 ถึง นาทีที่ 10.14 คนพากย์ออกความเห็นว่าให้สังเกตดี ๆ ว่านายซูมัน มักจะใช้เทคนิคเดิม ๆ เข้าต่อยแล้วกอดรัดดึง กด หัวคู่ต่อสู้ มันเป็นวิธีที่น่าเกลียด ขึ้นอยู่กับว่ากรรมการจะเห็นหรือไม่
นาทีที่ 10.28-30 แก้วของเราตามติด ต่อยจนไอ้เจ๊กล้มลุกคลุกคลาน แทบจะทุบมัน แต่เขาก็ยั้งมือทัน มีมารยาทสุด ๆ กรรมการแม่งงยกมือ ห้ามเลย ก่อนระฆังหมดยก 2 ไม่เป็นมวยแล้ว มันเล่น วิ่งเข้าชน จนติดเชือก แล้วพอแก้วเด้งออกมามันก็วิ่งเข้าชนกะจะให้ไปติดเชือกอีกด้านหนึ่ง ส่วนเราดูแล้วดูยังไงก็เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กเลยอ่ะ ตัวเล็กกว่ามันมากเลย เหมือนมันกำลังกึ่งอุ้ม กึ่งหิ้วปีกยังไงก็ไม่รู้ เราสงสารแก้ว จนรู้สึกว่าจะทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว คนพากย์บอกว่า “ He’s done it again” มันทำอีกแล้ว พร้อม ๆ กับเสียงระฆังหมดยก 2
กล้องแพนมาจับไอ้เจ๊ก มันเดินเข้ามุม หันหน้าสู้กล้องแล้วดันฟันยางออกจากปาก เราเห็นเป็นมันฉีกยิ้มเยาะเย้ย ยังไงไม่รู้ อยาก เลาะฟันมันจริง ๆ ตอนนี้มัน ตามอยู่ 1 คะแนน 7-8
วีดีโอ Replay ยกสอง ยิ่งทำให้เห็น ว่า ไอ้นั่นมัน น่าจะไปเอาดีทางว่ายน้ำมากกว่า มันตวัดหมัดมั่วไปหมด ทั้งเหวี่ยง ทั้งมุด ทั้งงัด แต่แก้วรอ จังหวะเหมาะ แต่ ต่อยหนัก ๆ ทุกครั้ง ฝรั่งพากย์สไตล์การต่อยของแก้วว่า“slowly but sure” โคตรเท่ห์อ่ะ
ด้วย ส่วนสูง 160 ซม. แถมยังอยู่ในรุ่นเล็กสุด พิกัดน้ำหนัก 49 กก. นักชกวัย 32 ปี จากกำแพงเพชรจึงถือเป็นหนึ่งในนักมวยสากลสมัครเล่นที่ตัวเล็กจิ๋วที่สุดใน โอลิมปิกเกมส์หนนี้ แก้วคงคิดแล้วว่า

ถึงรูปร่างจะเล็ก ฝีไม้ลายมือก็ไม่ได้เล็กน้อยไปด้วย "แก้ว" ได้โชว์ทักษะ ชั้นเชิง และสายตาอันยอดเยี่ยม ผ่านคู่ชกทั้งที่ตัวใหญ่กว่าและตัวเท่ากันได้อย่างน่าทึ่งสุด ๆ มาตลอดการชกหลายต่อหลายไฟท์ สู้แบบฉลาด ๆ อย่างแก้ว ไม่จำเป็นต้อง เต้นเป็น แสม(อ่านว่า สะ-แหม)ติดยาบ้า เหมือนไอ้เจ๊กนั่น

เราก็ไม่รู้เค้ามีกติกาการนับคะแนนกันอย่างไร หากเพื่อน ๆ จะแก้ความสงสัยของเราก็ยินดีค่ะ

มาดูยกสุดท้ายกันดีกว่า
ก่อนระฆังจะเริ่มยกสาม เราฟังคนพากย์ ประมาณว่า ไอ้เขียดตะปาด(อันนี้เราเรียกมันเองนะ)มันรู้ว่ายังไงมันก็ชนะแน่ มันเป็นเกมส์ที่ทำเพื่อเงิน ประมาณว่า มุด ๆ มาแบบวิธีสกปรกที่มันทำจนเป็นสไตล์ของมันแล้วทำไมไม่ยึดเหรียญมันเหมือน มงกุฎนางงามจักรวาลนะ
นาทีที่ 12.03 กรรมการเตือนไอ้เขียดตะปาด จะเรื่องอะไรก็ไม่สนใจแล้ว เพราะมันวิ่งพล่านไปหมด กระโดดกอดมั่ง มุดมั่ง น่าเบื่อมาก
ฉัตร์ชัย บุตรดี นักชกทีมชาติไทยรุ่นฟลายเวตกล่าวกับมติชนว่า "ค้านสายตามากครับ ตั้งแต่ยกแรก เขาไม่ได้ต่อยอะไรเราเลย แต่พี่แก้วกลับคะแนนตาม ตั้งแต่ดูมายกแรกถึงยกสุดท้าย ผมยังไม่เห็นเขาต่อยเราจังๆ สักแต้ม ถ้าผมเป็นพี่แก้ว ผมก็คงร้องไห้เหมือนกัน เกมกีฬาเรื่องแพ้ชนะกันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีเสียใจอะไร แต่ควรจะชนะกันด้วยฝีมือมากกว่า ไฟต์นี้ถ้าให้คะแนนกันจริงๆ ผมว่าพี่แก้วน่าจะชนะสัก 2-3 หมัด"


นาทีที่ 12.19 มันตามมาเป็น 8-8 เท่ากันถึงนาทีนี้เหลือเวลาอีก 2.40 คนพากย์ก็ออกความเห็นกันใหญ่ว่า ไอ้นี่มันทำที่เมืองจีนจนเป็นนิสัยแล้ว แต่นี่มันคนละเวทีนะ
นาทีที่ 12.29 แก้วสอยมาอีก คะแนน นำมาเป็น 8-9 สะใจจริง ๆ ดูไปก็เหลือบตาดูนาฬิกาไปด้วย ไม่อยากให้หมดเวลา เหมือน เห็นแก้วเป็นเครื่องจักร เครื่องมันร้อนแล้ว ไม่อยากให้หยุด คนดูอื่น ๆ ก็คงเป็นแบบเรา จะมีซักกี่คนที่คิดว่า “โถแก้วคงเจ็บนะ พอเหอะ ไม่ต้องเอามันแล้วเหรียญทอง ต่อยไปคนไทยก็ตื่นเต้นดีใจไม่นานหรอก พอกระแส แก้วฟีเวอร์ จางลง เสื้อสีต่าง ๆ ก็หันมากัดกันต่อ นี่ก็แย่งกันจองความเป็น”เจ้าของ”แก้วกันแล้ว เฮ้อ....
นาทีที่ 13.10 มันถูกเตือนอีก คนพากย์บอกว่า มัน ทำอีกแล้ว เวลาที่ถูกเตือน ก็ผ่านไปอีก 1 นาที “ A minute gone!!” อืมม มันเป็นเช่นนี้เอง
นาทีที่ 13.23 แก้วต่อยไปเต็มแรง แต่ไม่ถึงหน้ามัน คนพากย์บอก มันอยู่ไกลไปหน่อย แก้วย่างสามขุน ปักหลัก มีสมาธิดีมาก ตามไปเก็บใน 2 วินาทีต่อมา อีก หนึ่งคะแนน เป็น 8-10
และ นาทีที่สะใจคนดูรวมทั้งคนพากย์ก็เห็นจะเป็นนาทีที่13.36 ที่แก้วเคาะกระบาลมันไปทีหนึ่ง เราเห็นเป็นเคาะกระบาลจริง ๆ เสียงดัง ป๊อก ดูกันเอาเอง คะแนนไม่ขึ้น 8-10 แช่อยู่อย่างนั้น เซ็งอ่ะ (อารมณ์คนดูที่ไม่เคยดูมวย )
นาทีที่ 14.06 แลกหมัดกันคะแนนเร็วมากขึ้นมาเป็น 9-11
เหลือเวลา 1 นาที แก้ว อัดมันที่ท้อง 1 หมัด แต่คะแนนก็ขึ้นมาเป็น 9-12
เหลือเวลา 48 วินาที คนพากย์บอก ไอ้ซูมันเหนื่อยแล้ว กอดรัดลากรอเวลาอย่างเดียว มันล้มลุกคลุกคลานอีกแล้ว คนพากย์ ใส่อารมณ์รุมสวดมันกันใหญ่ บอกว่า มัน จ้องหาโอกาสทุกวินาที เพื่อดึงเวลาให้หมดไปกับการแกล้งทำผิดให้กรรมการห้ามและเตือน (ทำ อย่างนี้ได้ด้วยเหรอไม่ผิดกติกาเหรอ) เราก็เห็นนาฬิกาหยุดเดินนะ

นาทีที่ 14.52 คะแนนมาเป็น 9-13
นาทีที่ 15.17 มันล้ม แล้วเอาขายื่นมาขัดขาแก้ว เราหยุดเทปดู เห็นภาพพระเอกเรายืนนิ่ง ก้มหน้า ตัวเล็กนิดเดียว เหมือนถูกรังแก เขาเลยมองหน้ากรรมการ ซึ่งดูเหมือนจะเริ่มละอายแก่ใจ หันไปเตือนไอ้ซู
เหลืออีก 23 วินาที ไอ้ซูมันพัลวัลชนแก้วล้ม โดยมันคร่อมอยู่ข้างบน คนโห่กันลั่นสนามคนพากย์ บอกว่า ดูสิ ไอ้ซูมันทำอีกแล้ว “ Zue again!!” กรรมการแก้เขินเสียงโห่ โดยการตัดคะแนนไอ้ซู
คะแนนจากเดิม 9-13 เปลี่ยนเป็น 8-15 คนดูฮือฮาแสดงความดีใจอย่างรู้สึกได้เลย ส่วนคนพากย์ สรุปเลยบอกว่า “ จบเลย The end of the state หมดสภาพแล้ว คะแนนถูกเพิ่มให้นักชกวัยยี่สิบสี่ปี จากเมืองไทน ในที่สุดเค้าก็ได้เหรียญทองไปครองจนได้”
เหลือ 11 วินาที ไอ้ซูถูกชี้ให้เข้ามุม ส่วนแก้วถูกกรรมการหันมาจ้องหน้า เราใจหายแว่บ ไอ้กรรมการมัน ออกกิริยาเหมือนด่าว่านักโทษมากกว่า แก้วเดินหันหน้าหนี จ๋อง ๆ น่าสงสารที่สุด วินาทีนี้ เราตัดสินใจโดยเด็ดขาด จะไม่สนับให้ โคตรเง่าเราไปเป็นนักมวย นาทีที่นักมวยต้องรู้สึก ผิด โดยตัวเองไม่ผิด กีฬาบ้าอะไรวะ โคตรกดดัน มันสามารถ ทำให้คุณเป็นราชาก็ได้ แต่อีกนาทีหนึ่ง คุณก็รู้สึกต่ำต้อยติดดินที่สุด!!
นาทีประวัติศาสตร์ 4.51 ของยกที่สาม กล้องจับภาพแก้วเดินไหล่ลู่เข้ามุม คนพากย์วีดีโอ โห่ปากใส่กรรมการ พร้อมกับ ตัวหนังสือลอยมาจากด้านซ้ายของมอนิเตอร์ WTF!![ What the Fxxx] แปลกันเอาเอง

ส่วนคนพากย์บอกว่า.” I have to disagree with that” ผมไม่เห็นด้วยกับการตัดคะแนนครั้งนี้ ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม8-15 กลายเป็น 10-14
นาทีที่ 10.34 มีตัววิ่งมากลาง มอนิเตอร์
SCORE IS:
CHN 10 THA 14 จีน 10 ไทย 14
ต่อด้วยข้อความว่า
Or CHN 8 THA 15 หรือ จีน 8 ไทย 15
If THA was not be hit with 2 points penalty
ถ้าไทยไม่ถูกตัด 2 คะแนน

นาทีที่ 16.35 แก้วของเรายกมือมาประนมกัน ยืนไม่ติด หน้าตากังวลสุด ๆ คนพากย์บอกว่านายซูหน้าตาสบายใจ
และแล้วนาทีที่กรรมการยกมือชูให้ไอ้ซูชนะ มีเสียง boo โห่กรรมการจากคนดูทั้งสนาม
ข้อความหน้าจอวีดีโอปรากฏขึ้นมาว่า
CHN WIN 13-10 จีนชนะ 13-10
(FROM WIND PUNCHING)
ในวงเล็บแปลว่า จากการชกลม!(ละมั๊ง)
วีดีโอจบลงด้วยตัวหนังสือประกาศว่า
Shame Olympic Boxing by AIBA

คนพากย์บอกว่า ในที่สุดนายซูก็เป็นคนที่โชคดีที่สุด ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
ไอ้ซูกระโดดดีใจใหญ่ที่เกมส์จบเสียที มันคงกลัวถูกน็อคเป็นที่สุด
ในขณะที่แก้วของเราหมดแรงเมื่อสิ้นเสียงประกาศ เขาทรุดลงกับพื้นในท่าคุกเข่าร้องไห้ มันเป็นน้ำตาของความคับแค้นใจจริง ๆ คนพากย์บอก “ Oh Dear! He’s very very unhappy” กรรมการปล่อยมือแก้ว แต่ยังคงเดินชูมือไอ้ซูไปรอบ ๆ พอไอ้ซูเดินมาที่มุมของแก้ว โดนโค้ช ของแก้ว โบกมือไล่ คนพากย์บอว่า “โค้ชโกรธมาก แต่เขาไม่ควรทำแบบนั้น”
แก้วยกมือป้ายน้ำตาลูกผู้ชายด้วยกิริยาซื่อ ๆ เหมือนเด็ก ๆ แล้ว มุดลอดเชือกออกมา ถ้าเราอยู่ตรงนั้น เราจะ จับมือเขาแล้วพูดแทนแม่มะลิว่า “ กลับบ้านเราเถอะนะลูก ทุกคนในเมืองไทยรอแก้วอยู่ ไอ้พวกนี้มันไม่ใช่คน”
เราพร่ำบ่นกับน้องชายที่ดูถ่ายทอดสดในคืนนั้นว่า เราไม่ชอบเลยที่ทุกคนดูเหมือนไม่สนใจความรู้สึกเขาเลย เขาฟุบหน้าร้องไห้ อยู่กับพื้น ไม่มีใครวิ่งไปดูเขาเลย น้องชายบอกว่า ขึ้นไปได้ยังไง มันมีกฎห้ามไว้ อีกละ...... กีฬาบ้าอะไร ห้ามปลอบโยนกัน ที่จริงมัน เป็นนาทีที่สำคัญที่สุดนะ แคร์ทำไมกับกฎ ในเมื่อพวกมันยังไม่แคร์เลย แต่เราก็หายเครียด เพราะ ไม่ถึง 10 นาที แก้วก็ขึ้นไปบนเวที แสดงสปีริต นักกีฬาอย่างสง่างาม แทนที่จะร่ำไร เขากลับเป็นฝ่ายแคร์ความรู้สึกคนไทยทั้งชาติ กลัวว่าจะเป็นห่วงเขา เขาต้องฝืนใจเข้มแข็ง ไม่ให้คนหดหู่ตาม

ในสายตาคนไทยเกือบทั้งหมด ต่างรู้สึกคล้ายๆ กันว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้มีมือที่มองไม่เห็นมาเอี่ยวอยู่นอกเวทีด้วย
สายลม อาดี นักชกทีมชาติไทยรุ่นไลต์เวตกล่าวว่า

"มองย้อนกลับไปตอนตัวเอง (ที่แพ้นักชกคาซักสถานด้วยคะแนนดิบในรอบแรก) ผมว่ากรณีของพี่แก้วยิ่งกว่าผมซะอีก ยกแรกอาจจะสูสีแล้วเขาขึ้นนำ แต่ยกสามเราต่อยอยู่ฝ่ายเดียว ตอนเขาโดนตัดคะแนน มั่นใจว่าชนะได้แน่ ถึงเราจะโดนตัดบ้าง ผมก็ยังเชื่อว่าพี่แก้วจะชนะ ถ้าคู่ชกวันนี้ไม่ใช่ซู ชิ หมิง เราชนะแน่ๆ ครับ แค่ยกสามยกเดียว ผมว่า 10 แต้มก็น่าจะเป็นของเราแล้ว"

ผู้สื่อข่าวกีฬา บริสเบน ไทมส์ ของออสเตรเลีย (เปิดเผยผ่านคอลัมน์)

"โอลิมปิกเกมส์มีประวัติศาสตร์ยาวนานเรื่องผลการแข่งขันมวยนัดชิงที่ค้านสายตาถึงกรณีของซู กับแก้ว พงษ์ประยูร จะไม่เลวร้ายเหมือนความพ่ายแพ้ของรอย โจนส์ จูเนียร์ เมื่อปี 1988 ที่โดนปล้นชัยในการชกกับปาร์ก ซี ฮุน ของเกาหลีใต้ แต่ก็เสียดแทงใจผู้ชมในเอ็กเซล เซ็นเตอร์ มากๆ

ซูชนะคะแนนอย่างน่าเกลียด 13-10 ทั้งที่ทั้งผลัก กด และบางครั้งเกือบจะพุ่งเข้าชนแก้วด้วยซ้ำ ขณะที่ฝ่ายไทยโดนตัด 2 แต้มในยกสุดท้ายอย่างไม่มีเหตุผล"

บทบรรยายการแข่งขันจากเว็บ china.org.cn
"นักชกมือเก๋าวัย 31 ปี ขึ้นนำ 2-1 ในยกแรก หลังจากต่างฝ่ายต่างจดจ้อง ไม่ค่อยกล้าจะเข้าทำยกที่สอง เริ่มร้อนแรงขึ้น โดยซูเป็นฝ่ายปัดป้องได้ดีกว่า และนำ 4-3 (เฉพาะยกนี้)

ยกสุดท้าย แก้วซึ่งคะแนนเป็นรองพยายามเดินหน้าลุยหวัง แต่ซูก็ยังทำได้ดีกว่า และเอาชนะอีกในยกสุดท้าย 7-6 เก็บเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ได้อีกเหรียญ และเป็นเหรียญทองที่ 2 จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 3 สมัย"

สรุปว่า
มหกรรมกีฬาโอลิมปิกลอนดอนเกมส์ 2012 ที่สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในวันที่12 ส.ค.55 ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่ของการได้รับคำชื่นชม ว่าเป็นการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่โปร่งใสปราศจากการทุจริตคอรัปชั่นมากที่ สุดครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในระบบการให้คะแนนและการตัดสินกีฬาต่างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่อังกฤษผู้เป็นชาติเจ้าภาพไม่ได้รับชัยชนะมากเป็น พิเศษ เช่นเดียวกับที่จีนเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการเป็นเจ้าภาพจัด ปักกิ่งเกมส์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับกีฬามวยสากลสมัครเล่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬาที่ต้องอิงคำตัดสินจากวิจารณญาณส่วนบุคคลของคณะกรรมการ เป็นหลัก กลับตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อผลการตัดสินหลายนัด ค้านสายตาคนดูในสนาม เริ่มจากการชกรุ่นแบนตัมเวทคู่ของนักมวยอาเซอร์ไบจันและญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่นักชกจากอาเซอร์ไบจันเอาชนะไปได้ถึงแม้ว่าจะล้มถึง 6 ครั้งในยกสุดท้าย ทำให้ทางญี่ปุ่นประท้วงคำตัดสิน จนในที่สุดก็ต้องมีการพลิกคำตัดสินให้ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ และกรรมการชาวเติร์กเมนิสถานถูกส่งกลับประเทศเป็นการด่วน

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นักมวยจากอาเซอร์ไบจันอีกคนก็เอาชนะคู่แข่งชาวเบลารุสไปได้อย่างหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงโห่จากผู้ชมในสนาม โดยในยกสุดท้าย เขาทำฟาวล์อย่างชัดเจนแต่กลับไม่ถูกตัดคะแนน และในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายเบลารุสจะประท้วง ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินแต่อย่างใด
และล่าสุด การแข่งขันชิงเหรียญทองระหว่างนักชกไทยและแชมป์เก่าจากจีนเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งนักชกจากจีนได้รับชัยชนะ ท่ามกลางเสียงโห่จากผู้ชมในสนามตลอดการชกทั้งสามยก จนถึงการประกาศผลคะแนน โดยสื่อมวลชนในอังกฤษเอง ไม่ว่าจะเป็นบีบีซีหรือรอยเตอร์ ต่างตั้งคำถามกับผลการตัดสินในครั้งนี้ ที่ไทยน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างน้อยในสองยก

รายการนิวส์ไนท์ของบีบีซี ซึ่งเป็นรายการสารคดีเชิงข่าวเจาะลึก ได้เคยเปิดประเด็นเกี่ยวกับการที่บุคคลในวงการมวยสากลสมัคเล่นออกมาเปิดเผย ว่านักธุรกิจชาวอาเซอร์ไบจันคนหนึ่งตงลงจ่ายเงินจำนวน 9 ล้านกดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 300 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนการแข่งขัน World Series Boxing หรือ WSB ของสหพันธ์มวยนานาชาติ หรือ AIBA ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่ประสบความสำเร็จและขาดทุนอย่างหนัก เพื่อแลกกับการที่ AIBA จะจัดการให้นักมวยจากกอาเซอร์ไบจันได้เหรียญทองในโอลิมปิกครั้งนี้















ถึงแม้ว่านายวูชิงกั๊วะ ประธาน AIBA คนปัจจุบัน จะต้องมายืนยันอย่างหนักแน่นว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่การที่นักชกชาวอาเซอร์ไบจัน 2 คนได้รับคำตัดสินที่ค้านสายตาคนดู และการที่มีผู้ออกมาเปิดเผยว่าเขาเป็นบิดาบุญธรรมของซูชิหมิง นักชกชาวจีนที่ได้รับเหรียญทองท่ามกลางความกังขาของทุกฝ่าย ก็เป็นหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้คำพูดของเขาไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร
ผู้เชี่ยวชาญในวงการมวยชี้ว่า ในสถานการณ์ที่ AIBA ตกเป็นข้อครหาในด้านการทุจรติคอรัปชั่นจนขาดความน่าเชื่อถือในฐานะกรรมการ ที่เป็นธรรมเช่นนี้ หนทางเดียวที่เป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการนับคะแนนที่โปร่งใสในการแข่งขันมวย สากลสมัครเล่นในโอลิมปิกก็คือ การบังคับให้มีการแสดงผลคะแนนบนบอร์ดทั้งในสนามและหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลควรจะเข้ามาแทรกแซงและตั้งกฎเกณฑ์ให้ ชัดเจน เพื่อรักษาชื่อเสียงและมาตรฐานของมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกให้เท่า เทียมกันในทุกชนิดกีฬา

ที่มา : VoiceTV & BBC และ http://allmylike.com/

ขอแนะนำให้ไปอ่าน
“สังเวียนผ้าใบสีเทา” การเมืองชักใยโค่นอำนาจ
http://www.manager.co.th/sport/viewnews.aspx?NewsID=9550000095924