2013-12-27

ประกาศความแน่วแน่!! ในวันปีใหม่อย่างเด็ดเดี่ยว

เมื่อสามสิบปีก่อน ผู้เขียนจำเหตุการณ์ได้ว่าตนเองเริ่มประกาศความเด็ดเดี่ยวเป็นครั้งแรกในวันหนึ่งใกล้ ๆวันปีใหม่อย่างนี้แหละ และจนถึงวันนี้ก็ยังจดจำภาพนั้นติดตามาตลอดขอนำมาเล่าให้ฟังเผื่อจะจุดประกายอะไรได้บ้าง

เช้านั้นที่ป้ายรถเมล์ ในกรุงเทพฯ บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ผู้คนพลุกพล่านเพราะเป็นวันสุดท้ายในการทำงานก่อนที่จะหยุดยาวช่วงวันปีใหม่ผู้คนยืนรอรถเมล์เต็มไปหมด รวมทั้งตัวผู้เขียน รถเมล์สมัยนั้นไม่ติดแอร์ต้องยืนโหนไปตลอดสายหากมีที่นั่งว่างก็โชคดีไปขณะที่รออยู่ผู้เขียนก็เหลือบไปเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินเร่ขอเงินผู้คนแถว ๆนั้นด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เธอมีอายุประมาณ 50-60 ปีรูปร่างผอม หลังโกง สภาพการแต่งกายบ่งบอกถึงความยากจนและความลำบากในการดำรงชีวิตเธอหยุดขอเงินซื้ออาหารจากผู้คนที่รอรถเมล์และเดินผ่านไปมา หลาย ๆ คนเดินหนีหลายคนแกล้งมองไม่เห็น บางคนก็ทำท่ารังเกียจเธอเดินผ่านมาที่ผู้เขียนซึ่งก็เหมือนกับคนอื่น ๆ คือปฎิเสธ เพราะหอบข้าวของรุงรังไม่สะดวกในการค้นหาเศษเงินในกระเป๋าสะพาย และเกรงว่าหากรถเมล์มาถึงผู้เขียนอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้ที่นั่ง

หญิง ชราทำท่าหงอย ๆเดินเลี่ยงไปยืนข้าง ๆ เวลาผ่านไปประมาณ10 นาทีรถก็ยังมาไม่ถึง ผู้เขียนเห็นหญิงชราคนดังกล่าวเดินไปนั่งลงบนม้านั่งในป้ายรถเมล์ที่ว่างพอดี ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวดีมาก เธออยู่ในวัยประมาณ 35 ปี เดินอย่างรีบเร่งผ่านมา หญิงชราลุกขึ้นและเดินไปหาเธอแบมือขอเงินบอกว่าจะเอาไปซื้อข้าวทาน ยังไม่ได้ทานข้าวเลยนักธุรกิจสาวหยุดเดินทันที เธอยิ้มและมองตรงนัยน์ตาของหญิงชรา พร้อมกับถามอย่างเบาๆ ว่า ยายจะเอาเท่าไหร่จ๊ะ ผู้เขียนไม่ได้ยินคำตอบของหญิงชรา แต่ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเธอหยิบกระเป๋าเงินออกมาและหยิบธนบัตร สองสามใบให้กับหญิงชราซึ่งลนลานรับเงินจากเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า แล้วกลับไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดิมผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้ผู้เขียนนิดหนึ่ง แล้วเธอก็เดินเลี้ยวเข้าไปยังตึกใหญ่ ๆที่อยู่ใกล้ ๆ ป้ายรถเมล์นั้น

ผู้ เขียนไม่ทราบว่าหญิงชราจะนำเงินไปซื้อข้าว ซื้อของอื่น ๆ หรือนำไปให้ใครไม่ใช่เรื่องที่ผู้เขียนสนใจอีกต่อไป ผู้เขียนกำลังมึนงงกับความรู้สึกที่ต่อต้านกันอย่างรุนแรงในใจ ต่างหาก ถามตัวเองว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้ ได้เห็นในวันนี้มันคือขบวนการทางความคิดที่แตกต่างกันของผู้คนหลายฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งปฎิเสธที่จะให้ เพราะรังเกียจหรือไม่เชื่อถือหรือใจดำจริง ๆ
ฝ่ายที่สองปฎิเสธที่จะให้ เพราะขี้เกียจ และมักง่าย คิดแบบตัวใครตัวมัน (เช่นตัวผู้เขียนเอง)
ส่วนฝ่ายที่สามคือกล้าที่จะแตกต่าง ไม่คิดมากเธอทำประหนึ่งว่าหญิงชราคือพี่สาวของเธอเอง

ผู้เขียนยังจำรอยยิ้มที่อบอุ่นแว่บหนึ่งที่เธอยิ้มให้ผู้เขียนก่อนเดินจากไป คล้าย ๆ จะบอกว่า หวังว่าวันหนึ่งหนูคงมีโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องโดยไม่เกรงว่าจะแปลกแยกนะจ๊ะ 
ผู้เขียนได้ตัดสินใจทันทีในนาทีนั้นว่า ถึงเราจะอยู่ในโลกใบนี้อย่างระมัดระวังแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นการแสดงความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์

แด่…. ผู้หญิงนิรนามคนนั้นเธอคือ ปีใหม่ ของผู้เขียนมาตลอด 30 กว่าปี
ขอให้วันนี้เป็นวันปีใหม่ที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวสำหรับทุกท่านค่ะ

วารีนา ปุญญาวัณน์
บรรณาธิการ
พัทยาเดลินิวส์


No comments: