โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 พฤศจิกายน 2556
หมายเหตุไทยอีนิวส์:เราได้รับการติดต่อทางอีเมล์จากผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น"ชายชุดดำ" โดยแจ้งว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมชายชุดดำที่ปฏิบัติการยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เป็นเหตุให้พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และทหารหลายรายเสียชีวิต เพื่อเปิดเผยความจริงทั้งหมด เราจึงได้สัมภาษณ์เขาทางอีเมล์ ดังที่นำเสนอต่อไปนี้ จากการตรวจสอบอย่างรอบด้านแล้ว น่าเชื่อถือว่าบุรุษผู้นี้"น่าจะ"เป็นชายชุดดำจริงๆ อย่างไรก็ตามผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ
ไทยอีนิวส์:ให้คุณเล่าถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ที่มีการสังหารพันเอกร่มเกล้าและทหารด้วยว่าความจริงของเหตุการณ์เป็นอย่างไร
ชายชุดดำ:มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เสื้อแดงนปช.จัดการชุมนุมในปีพ.ศ.2552 ตอนนั้นช่วงวันสงกรานต์ เมษายน 2552 มีข่าวทหารเคลื่อนกำลังมาทางถนนวิภาวดีเพื่อเข้ามาปราบปรามผู้ชุมนุม ผมก็เดินทางไปร่วมกับผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเพื่อขอร้องไม่ให้ทหารเข้ามาปราบปราม โดยไปรอสกัดที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
ขบวนรถของทหารก็ลงตรงทางด่วนวิภาวดี ส่วนผมอยู่ตรงทางขาเข้าก็เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองว่าทหารได้ทำร้ายประชาชนที่ไปขอร้องทั้งการทำร้ายประชาชนที่อยู่บนรถตุ๊กๆเขามาดูเหตุการณ์เฉยๆก็ทำร้ายเขาเหมือนไม่ใช่คน ใครล้มลงหมดสติ ก็จับโยนขึ้นรถ แล้วเอารถน้ำฉีดเลือด แล้วบรรทุกคนไป
ผมเห็นคนขับแท็กซี่รายหนึ่งที่จอดรถห่างทหารไป 100 เมตร ไม่มีท่าทางว่าจะเป็นภัยคุกคามหรือมีอาวุธก็โดนทหารยิงใส่ตอนเขาเปิดประตูรถแท็กซี่ออกมาจนตาย
ทหารทำเกินไปแล้ว ตอนนั้นผมมีอาวุธปืนสั้น.38ก็ยิงไปใส่ทหาร แบบยิงต่ำใส่ขา ไม่กะเอาให้ตาย แต่เพื่อหยุดไม่ให้ทหารทำร้ายประชาชนได้อีก ก็ได้ผลทำให้ทหารหยุดรุกไล่ประชาชน ทำให้ประชาชนได้หนีการปราบปรามของทหารได้
ไทยอีนิวส์:นั่นเป็นที่มาของการปฏิบัติการ10 เมษายน 2553 ในอีกปีถัดมา?
ชายชุดดำ:ใช่ครับ เราเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเห็นคนไม่เป็นคนก็รู้สึกเจ็บปวด พอเสื้อแดงนปช.จัดการชุมนุมใหญ่ปี2553 มีทหารออกมาปฏิบัติการอีกแล้ว ผมก็คิดว่ายังไงเขาก็ออกมาเพื่อฆ่าประชาชนผู้ชุมนุม เลยคิดอยากมีอาวุธ ผมก็เริ่มสะสมอาวุธ โดยมีทหารที่เขารักความเป็นธรรมเป็นคนหาอาวุธให้เรา แต่ผมไม่รู้จักชื่อเขาหรอก เราก็เรียกแต่ว่าทหารแตงโม
จากนั้นผมก็รวมตัวกับพวกที่ออกมาชุมนุมด้วยกันและเชื่อตรงกันว่าต้องต่อสู้ด้วยอาวุธรวมกันได้ 7 คน มีผมใช้อาวุธปืนเป็นอยู่คนเดียว เพราะเคยเรียนรด.มากับมาเข้าสนามปืนเพื่อซ้อมก็ไปฝึกสอนให้เพื่อนกลุ่มนี้ แต่จนถึงวันลงมือ 10 เมษา 53ก็ยังไม่ชำนาญพอ เอาใจมาทำล้วนๆแค่เห็นภาพเดียวกันก็พอ บางคนในทีมก็แค่เหนี่ยวไกปืนเป็น
อาวุธที่ทีมเรามีก็คือ M203 หนึ่งกระบอก M16อีก 2 กระบอก อาก้า 3 กระบอก แต่ก่อนปฏิบัติการนั้น มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้ชุมนุมเดินทางขอบคุณคนกรุงเทพฯรอบกรุง พอผ่านพรรคการเมืองใหม่ของพวกพันธมิตร โดนพวกมันปาก้อนหินใส่ ผมทราบทีหลังก็เลยไปจัดให้ชุดหนึ่ง แต่ไม่มีใครเป็นอะไรนะ แค่อยากบอกมันว่า"มึงทำอย่างนี้ได้ คนอื่นเขาก็ทำเป็น"
เรื่องพันธมิตรมันต่อเนื่องมาจากตอนปลายปี 2551ด้วยที่พวกนี้บุกเข้าไปทำร้าย และยิงใส่สถานีวิทยุแท็กซี่ที่วิภาวดีซอย3 พวกนี้เริ่มก่อน เป็นอันธพาลรังแกกันเกินไปแล้ว ตอนนั้่นผมออกไปสู่ปกป้องวิทยุแท็กซี่ก็ไปตัวเปล่าๆ ไปรับปืน โชคดีที่รอดมาได้ ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ ก็ชวนเพื่อนที่ไปตอนนั้่นว่า มันทำขนาดนี้ เราสู้มือเปล่าก็โดนอันธพาลรังแก ก็เริ่มหาอาวุธ ตอนแรกก็ปืนพกสั้น หลังๆมาทางทหารมาแตงโมก็ให้อาวุธหนัก ทั้งปืนเอ็ม16 อาก้า และกระสุนมา
ไทยอีนิวส์:เล่าเหตุการณ์10เมษาแบบละเอียดเลยว่าเป็นอย่างไร
ชายชุดดำ:ทางผมก็ไม่มีเตรียมอะไร วันนั้นผมก็ทำงานของผมเป็นปกติ ผมไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ตำรวจ ไม่ได้เป็นมือปืน มีอาชีพปกติทั่วไป แต่ไม่ขอบอกว่าทำอะไร ตอนค่ำก็มีคนโทรมาบอกว่าทหารเข้าปราบปรามประชาชนที่บริเวณผ่านฟ้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัว ผมก็นำปืนใส่รถไปกับทีมก็ไม่เกิน6-7คน เอาว่าแค่นี้แหละ
พอไปถึงลงรถได้ก็มืดแล้ว ผมเข้าไปสวนทางกับผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่เดินถือธงชาติแล้วโดนทหารยิงจนหัวกระโหลกเปิดจนตาย ทราบต่อมาว่าชื่อนายวสันต์ ภู่ทอง เราก็อารมณ์ขึ้นด้วยความอยากช่วยประชาชนผู้ชุมนุมไม่อยากเห็นโดนทหารฆ่าตายแบบนายวสันต์อีก
ผมก็เริ่มใช้ปืนเอ็ม203ยิงกองกำลังทหารบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาก่อน แต่ตรงนั้นมีรถอยู่จอดขวางกั้นอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามีการตายหรือไม่
จากนั้นก็ยิงขึ้นไปบนสำนักงานสลากกินแบ่งที่มีทหารขึ้นไปยิงใส่ประชาชนอยู่บนกองสลากฯ เราก็ใช้เอ็ม16ยิงใส่ทหาร แต่ผมว่าไม่น่าจะโดนใคร แค่เพียงต้องการให้ทหารบนนั้นหยุดยิงใส่ประชาชนผู้ชุมนุมมือเปล่า
จากนั่นเราก็ปฏิบัติการยิงใส่แถวของกองกำลังทหารที่อยู่ในซอยโรงหลังเรียนสตรีวิทย์ ผมจำได้แม่นว่าเป็นหลังร้านแมคโดนัลด์ ตรงนั้นมีกองทหารตั้งแถวเตรียมพร้อมรุกเข้ามาปราบผู้ชุมนุม ทีมพวกกันเราก็ยิงกราดใส่แถวทหาร ซึ่งทหาคงไม่คาดคิดว่าจะมีทีมเราไปยิง ก็ไม่ได้เตรียมพร้อม แถวหน้าก็โดน ถอยหลังก็ไม่ได้มันมีแถวทหารเรียงเป็นพรืด อาจจะโดนทหารแถวหลังยิงใส่โดนพวกเดียวกันเองด้วยก็เป็นได้ แต่ผมก็ยิงจนกระสุนหมดไป3ชุด ทีมเราก็ระดมยิงใส่ ก็คงมีทหารตายไปจำนวนมาก
มากเท่าไหร่ผมก็ไม่คาดคิด คิดตอนนั้นแต่ว่าทำอย่างไรเราจะหยุดทหารได้ ไม่ให้เข้ามาเข่นฆ่าปราบปรามผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธไม่มีทางสู้ ทหารโดนเข้าไปก็สลายตัวหลบเข้าไปตามผับตามบาร์็ ไม่มีใครยิงสู้สวนมาเลย พวกเราจึงไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายหรือสูญเสียเลย
ทั่งหมดนี้เราใช้เวลาปฏิบัติการไม่ถึง10นาที ก็มีผลให้ทหารกระจายหลบไปหมด พอหยุดเขาได้ พวกเราก็เลิกปฏิบัติการ แล้วขับรถวนดูรอบพื้นที่ชุมนุมว่าทหารสลายไปหมดยัง พอเห็นสลายไปหมดเราก็ยุติปฏิบัติการ
ไทยอีนิวส์:เหตุการณ์สำคัญที่สุดคือพันเอกร่มเกล้าเสียชีวิต พวกคุณได้เจาะจงสังหารเขาหรือไม่?
ชายชุดดำ:ไม่เลยครับ เราไม่รู้หรอกว่าใครเป็นพันเอกร่มเกล้าหรือใครเป็นใคร จนป่านนี้ผมยังไม่รู่้ว่าพันเอกร่มเกล้าอยู่ตรงไหนในตอนเรายิง เราทำไปแค่เพื่อให้ทหารหยุดยิงหยุดฆ่าประชาชนเท่านั้น กว่าจะมารู้ว่าพันเอกร่มเกล้าตายก็ตอนออกเป็นข่าววันรุ่งขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็เข้ามาวนดูพื้นที่ชุมนุมแถวผ่านฟ้า พื้นที่สาวรีย์ประชาธิปไตย พอตกเย็นก็ออกจากเขตพื้นที่ชุมนุม แต่ก็หลบอาศัยในเขตกรุงเทพฯ หลังจากนั้นเราก็แทบจะไม่มีปฏิบัติการอีก
คราวนี้ผมเล่นสงครามจิตวิทยากับฝ่ายรัฐบาล โดยแจ้งไปทางศอฉ.ว่าทหารนั่นแหละฆ่ากันเอง จนทำให้พวกเขาระแวงกันเอง จนมีเหตุทหารยิงกันเองตายแถวดินแดง
ผมอยากย้ำว่าไม่ได้ต้องการให้พันเอกร่มเกล้าหรือทหารคนไหนตายด้วยความสะใจเลย คิดแค่ว่าทำไงให้ทหารหยุดการฆ่าประชาชน
ผมอยากบอกว่าก่อนผมออกจากบ้านมาวันนั้น ผมได้จุดธูปบอกแม่พระธรณีว่า"ทำไงก็ขออย่าให้ไปโดนคนบริสุทธิ์หรือประชาชน ให้โดนเฉพาะแต่คนที่มันทำบาปทำเวรทำกรรมประชาชน" ผมก็มาทราบภายหลังว่าตอนปี2552พันเอกร่มเกล้าก็ควบคุมกำลังทหารปราบปรามประชาชนมา ก็คงเป็นเวรกรรมของเขาด้วย ผมเชื่ออย่างนั้น
ไทยอีนิวส์:ในเหตุการณ์19พฤษภา53พวกชายชุดดำได้ออกปฏิบัติการอย่างไรบ้าง ฝ่ายทหารอ้างว่ายิงพวกผู้ก่อการร้ายชุดดำที่หลบเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ชายชุดดำ:เราไม่มีปฏิบัติการอะไรเลย เราหลบออกไปแล้วก่อน19พฤษภา53
ไทยอีนิวส์:มีคนคิดว่าพวกชายชุดดำต้องเป็นมืออาชีพระดับพระกาฬแน่
ชายชุดดำ:ไม่เลยครับ ผมแค่เคยเรียนรด.มา ต่อมาเข้าสนามยิงปืน ผมและทีมไม่เคยมีใครเป็นทหาร ตำรวจ คนมีสี หรือมือปืนอันธพาล เป็นชาวบ้านทั่วไปธรรมดา
เดิมผมไม่เคยสนใจการเมืองด้วยซ้ำไป เลือกตั้งยังไม่สนเลย แต่ว่าก่อนปี2552ก็มีม็อบพันธมิตรมาไล่ทักษิณ ผมก็เริ่มจากสงสารทักษิณ เป็นคนไทยขี้สงสารเหมือนคนไทยทั่วๆไป ก็ตัดสินใจไปร่วมชุมนุมกับนปช.เสื้อแดง แล้วก็ไปเจอพันธมิตรทำตัวอันธพาลไปยิงถล่ม และทำร้ายคนเสื้อแดงตรงวิภาวดีซอย3 ผมชอบความยุติธรรมก็คุยกับพรรคพวกว่าเราจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ก็รวมตัวกันเป็นทีมขึ้นมาว่าจะสู้แล้ว
และมาตัดสินใจว่าต้องสู่้ก็ตอนสงกรานต์ปี2552ที่สามเหลี่ยมดินแดง เพราะทหารทำกับคนเหมือนหมา ทำตัวเป็นเดรัจฉานเข่นฆ่าทำร้ายเขาตีเขาหมดสติแล้วโยนขึ้นรถ แล้วเอารถฉีดน้ำมาฉีด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สื่อก็ไม่มีเสนอข่าว แล้วไปใช้รถฮัมเมอร์ปิดถนนไว้ นักข่าวก็ไม่มีมาทำข่าวรายงานความจริง
ไม่มีกล้อง ไม่มีทีวี ไม่มีรายงานข่าว แถมบิดเบือนว่าผู้ชุมนุมก่อความรุนแรง
ไทยอีนิวส์:พวกคุณได้รับการสนับสนุนจากทักษิณ จากฝ่ายทักษิณ หรือจากแกนนำนปช.อย่างไรบ้าง
ชายชุดดำ:ไม่เลยครับ ผมไม่รู้จักอะไรเลยกับทักษิณ หรือฝ่ายทักษิณ หรือแกนนำนปช. แต่เราเคยไปขออาวุธและกระสุนจากพวกการ์ดเสื้อแดง พวกนี้ก็ไม่ช่วยอะไรเลย หากจะเอาก็ต้องซื้อ เราเลยได้"ของ"จากทหารแตงโมมาแทน ผมก็เลยไม่ไปยุ่งอะไรกับพวกแกนนำนปช.
ผมยังเห็นว่าคนมาเป็นแกนนำอย่าเอาแต่พูดปลุกระดมว่า"สู้ไม่สู้ ?สู้จนตาย" ถึงเวลาก็ครึ่งๆกลางๆทิ้งประชาชนให้รับกรรม ทั้งที่เราปฏิบัติการ10เมษา พวกแกนนำกลับสั่งให้ถอยห้ามใช้อาวุธอยู่บนเวที ยึดอาวุธเครื่องกระสุนได้ก็เอาไปคืนทหารหมด จนเขานำมาฆ่าประชาชนอีก ก็เป็นบทเรียนว่าการต่อสู่ไม่ว่าครั้งไหนคนรับกรรมก็เป็นประชาชนที่เขาสู่จนตัวตาย แกนนำก็ไม่มีใครสู้ตายหรอก ผมสงสารประชาชนจริงๆ พอพวกผมทำก็ต้องตกระกำลำบากหนีหัวซุกหัวซุนมาจะ 4 ปีแล้ว
แกนนำไม่ว่าม็อบไหนผมขอบอกว่าการหลอกประชาชนมาสู้ไม่สมควรทำ แม้แต่ที่มีม็อบในกรุงเทพฯเวลานี้ประชาชนก็โดนหลอกมาให้รับกรรม
ไทยอีนิวส์:ทางพรรคประชาธิปัตย์ โดยคุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์พูดตลอดว่า ชายชุดดำฆ่าทหารฆ่าพันเอกร่วมเกล้า และฆ่าคนเสื้อแดงด้วยกันเอง เพื่อให้พวกทักษิณบรรลุเป้าหมายทางการเมือง
ชายชุดดำ:ผมขอยืนยันว่าเสื้อแดงตายนั่้นทหารทำ ไม่ใช่พวกผมชายชุดดำทำแน่ แต่ทหารตายนั้นเพราะโดนพวกผมทำแน่ๆ ผมมาช่วยเสื้อแดงจึงไม่ทำพวดเขาแน่ๆ
รู่ไหมว่าตอนเหตุการณ์10เมษา53ที่ผมยิงใส่ทหารนั้น มีตอนหนึ่งปืนของผมเกิดขัดขึ้นมา ก็มีมวลชนเสื้อแดงเขาเข้ามาโอบล้อมผมไว้แบบไม่กลัวตาย พวกเขาบอกว่า"พี่พวกผมจะเป็นโล่มนุษย์ปกป้องพี่เอง หากทหารยิงมาจังหวะนี่้ให้โดนพวกผมก่อน "ก็พอดีแก้ไขข้อขัดข้องได้ ในเวลานั้นมันทำให้ผมซึ่งใจมากจริงๆว่ามวลชนเขาแลกชีวิตได้เพื่อปกป้องผมให้ช่วยเหลือไม่ให้ทหารเข่นฆ่าคนเสื้อแดงได้ ผมถามว่าเป็นผมเป็นใครจะไปฆ่ามวลชนคนเสื้อแดงลงคอหรือ?
ไทยอีนิวส์:ทีมคุณอาจไม่ได้ทำ แต่มีทีมชายชุดดำชุดอื่นทำ
ชายชุดดำ:มีทีมผมทีมเดียวครับชายชุดดำ ไม่มีทีมอื่น ไม่ต้องมาแอบอ้างหรือหาแพะ แต่่คนอื่นๆที่มีอาวุธปืนสั้น ปืนพกคงมี เพราะมีตำรวจ ทหารที่เขารักความเป็นธรรมก็มาร่วมชุมนุม
ไทยอีนิวส์:เสธ.แดงมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับชายชุดดำ?
ชายชุดดำ:ไม่เกี่ยวเลย เสธ.แดงก็ตายฟรี เพราะฝ่ายศัตรูคิดว่าเกี่ยวกับพวกผม ทราบไหมว่าทำไมพวกเราทีมเราไม่มีใครบาดเจ็บสูญเสีย แม้แต่ติดคุกหนีได้หมด ก็เพราะว่าเราไม่ใช่มืออาชีพ ไม่เกี่ยว ไม่มีประวัติใดๆมาก่อนที่จะไปเชื่อมโยงถึงใครได้ เพราะมันไม่เกี่ยวจริงๆ เพราะเราเป็นชาวบ้านทำมาหากินปกติ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใดๆ ไม่มีอาชีพคนมีสี หรือเป็นซุ้มมือปืน หรือคนสั่งก็ไม่มีก็เลยไม่มีประวัติ พวกผมเลยรอดกันหมดทุกคน
ไทยอีนิวส์:ผ่านไปจะเก้ือบ4ปุีแล้ว หากย้อนกลับไปได้คุณยังจะทำแบบที่ทำไปแล้วหรือไม่
ชายชุดดำ:ไม่เลย ไม่ทำแน่นอน เหตุการณ์ผ่านไปก็เห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนเป็นผู้รับกรรม นักการเมืองกลับไปมีอำนาจ แกนนำก็สู่ครึ่งๆกลางๆ
ผมเองก็ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปกันแน่ ผมถามตัวเองมาตลอดเวลา สิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นมันดีหรือไม่ดี?
แต่หากมองย้อนกลับไปทำไมผมทำแบบนั้น ผมมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือชีวิตของมวลชน แต่ผมมีความทุกข์ที่ทำให้ทหาร ทำให้พันเอกร่มเกล้าต่องมาตาย
ไทยอีนิวส์:อนาคตจะมีชายชุดดำแบบพวกคุณอีกไหม และจะหวนกลับไปปฏิบัติการอีกหรือไม่
ชายชุดดำ:ผมอยากให้เรื่องของผม และทีมชายชุดดำของเราเป็นเรื่องเตือนใจทั่งรัฐบาลเวลานี่ ฝ่ายตรงข้าม แกนนำทั้งหลาย ทหารตำรวจว่า ผมยังเชื่อว่ามีคนแบบผม แบบทีมของผมที่พร้อมจะออกมาทำแบบที่ผมและทีมเคยทำแบบเหตุการณ์10เมษา53 หากต้องเจอแบบที่ผมเคยเจอ มันบีบคั้นจนคนแบบผมทนอยู่นิ่งๆทำพมาหากินไปวันๆไม่ได้ และเขาจะไม่ยอมทนมันต่อไป
เมื่อไหร่ที่มีเหตุการณ์ที่มันค้านความรู่้สึกคนไทยอย่างถึงที่สุด แม้เมืองไทยเมืองพุทธ ก็จะมีชายชุดดำแบบผมและทีมของผมเคยทำ ออกมาปฏิบัติการอีกแน่ ชายชุดดำจึงจะไม่หายไปจากประเทศไทย
ไทยอีนิวส์:ช่วยเล่าเกี่ยวกับคุณที่เล่าได้
ชายชุดดำ:ผมไม่ขอเล่า มันเป็นความลับของชายชุดดำ
No comments:
Post a Comment