นายกในดวงใจ
- Home
- About Me
- Lost In My Own Thoughts
- I'm a stroke Survivor
- ฉันผู้รอดชีวิตมาจากโรคสโตรค
- English Articles
- บทความภาษาไทย
- 🌺🌺My Blockdit
- สบาย ๆ
- ขำ ๆ แก้เครียด
- กฏของมัวร์
- หนุ่มคนนี้คือคนที่สมบูรณ์
- ธนภพ ลีรัตนขจร(ต่อ)
- 🌹🌹I love you My God
- สร้างสื่อ
- 🌺🍀🌺Quick Access
- กำลังใจอยู่ที่นี่
- 🌹🌹สู้ดิวะ
- หนังสือพิมพ์-ข่าว
- เจ๋งจริงนี่หว่า!!
- 🍀🍁Work At Home
- 🍀🌺Calming music
- 🌹🌹การตื่นขึ้น /The Awakening
- 🌹🌹คัมภีร์ชีวิต
- 🌹🌹บรรณาธิการ
- 🍊🍊Dunning & Kruger Effect ไม่รู้ว่าไม่รู้
- 🍊🍊Beat It!!
2012-12-13
ปฏิบัติการ 'ต้มทักษิณ' ของธาริต
เปลว สีเงิน 13 December 2555 - 00:00
ในการตั้งข้อหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ" คดี ๙๑ ศพ ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ดูๆ แล้วผมชักไม่แน่ใจว่า เป็นการตั้งข้อหา "สนองทักษิณ-นปช." หรือเป็นการ "ต้มเปื่อยทักษิณ-นปช." กันแน่ เพราะมองเผินๆ ทันทีที่เห็นข้อหา "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" ทั้งทักษิณ ทั้งเพื่อไทย ทั้ง นปช. ต้องบอกว่า...สะใจ มึงตายแน่ แต่สำหรับคนพอรู้กฎหมายใต้โรง-ใต้ศาล มองปร๊าดดดดก็ยังต้องสะดุดทันทีว่า ธาริตนี่...ลึกล้ำเหนือกำหนดจริงๆ?
ลึกล้ำยังไง?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคุยกันหน่อย คุยประกอบรายการที่ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" จะไปรับข้อกล่าวหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลที่ DSI ตามนัดวันนี้ (๑๓ ธ.ค.๕๕)
เข้าใจว่าในฐานะอธิบดี และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของอภิสิทธิ์-สุเทพมาก่อน โดยเฉพาะร่วมปราบโจรก่อการร้ายเผาบ้าน-เผาเมืองอยู่ในศูนย์ ศอฉ.ด้วยกัน นายธาริตคงไม่ขลาดเขลาถึงขนาดไม่กล้าออกมาเผชิญหน้าในฐานะเจ้าบ้านแน่ๆ!
ก่อนถกในประเด็น "ความจริงหัวกลับ" ในข้อหานั้น ปูพื้นนิดก่อน อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ เป็น ๓ ฝ่ายที่ตรวจสำนวนถ้วนถี่ แล้วมีมติเอกฉันท์ว่า....
ในคดี ๙๑ ศพนั้น ยึดมูลคำสั่งศาลจากการไต่สวนการตายของนายพัน คำกอง ตาม ป.วิ. อาญา. มาตรา ๑๕๐ ว่าเป็นการตายเกิดจากถูกกระสุนปืนทหารที่เข้าปฏิบัติการตามคำสั่ง ศอฉ.
ดังนั้น อภิสิทธิ์-สุเทพนั่นแหละ "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙, ๘๓, ๘๔ และ ๒๘๘ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศอฉ. และนายสุเทพต้องรับผิดชอบในฐานะ ผอ.ศอฉ.!
คนอื่นๆ ไม่เกี่ยว บอร์ด ศอฉ. (ที่มีนายธาริตรวมอยู่ด้วย) ก็ไม่เกี่ยว มีแค่อภิสิทธิ์-สุเทพเท่านั้นที่เกี่ยว ทหารที่ปฏิบัติการก็ไม่เกี่ยว ซึ่งนายธาริตแถลงไว้ชัดเจนว่า....
"ส่วนทหารที่เข้าปฏิบัติการ ศาลไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด และการสอบสวนไม่สามารถระบุตัวตนได้ ดังนั้น ตามกฎหมายอาญา มาตรา ๗๐ ระบุว่า เมื่อมีการปฏิบัติตามคำสั่งการ ย่อมได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับโทษ จึงไม่แจ้งข้อกล่าวหากับทหาร รวมทั้งฝ่ายยุทธการและกองทัพ ซึ่งได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากปฏิบัติตามคำสั่ง ศอฉ."
เดี๋ยว...เข้าใจก่อนนะครับ ที่ยกมานี้ ไม่ใช่ยกมาในทำนอง...ฉันเป็นแค่คนสั่งยิงยังถูกจับ แต่ทำไมทหารที่เป็นคนยิงจึงไม่ถูกจับ ในความเป็นวิญญูชนของคนไทยส่วนใหญ่ ไม่มีใครเกี่ยงงอนให้ต้องไปจับ ไปดำเนินคดีอะไรกับทหารในกรณีปราบโจรเผาบ้าน-เผาเมืองหรอก
สิ่งที่ทหารควรได้รับจากเหตุการณ์เผาบ้าน-เผาเมืองคือ "ใบรับรองเกียรติคุณ" จากประชาสังคมชาติที่ต้องมอบให้เป็นการตอบแทนในการประกอบภารกิจเพื่อชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ณ ครั้งนั้น
ทหารไม่ควรได้รับหมายจับ หมายคดี หรือวาจาระยำพล่อยทั้งปวง ดังที่พวกไพร่สถุลเที่ยวสาดสี...ทหารยิง..ทหารฆ่าประชาชน
ทหารไม่ฆ่าประชาชนแน่ แต่ที่แน่ๆ ภารกิจทหารคือ "ฆ่าผู้บ่อนทำลายชาติ-ประชาชน!"
เอาละ...ที่คุยกันวันนี้ คุยในแง่มุมกฎหมายซึ่งต้องมีองค์ประกอบในแต่ละคดี แต่ละข้อหา ขั้นนี้ ท่านจำให้แม่นไว้ ๒ ประเด็นก่อน
๑.ดีเอสไอแจ้งข้อหาอภิสิทธิ์-สุเทพในฐานะผู้สั่งการ ศอฉ.ว่า "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล"
๒.ดีเอสไอไม่แจ้งข้อหาทหารที่ออกปฏิบัติการตามคำสั่ง ศอฉ. รวมทั้งฝ่ายยุทธการ และกองทัพ
ทีนี้ก็มาแยกธาตุแต่ละคำข้อหา เพราะคำทางกฎหมายนั้น บ่งบอกความจำเพาะในการกระทำ ไม่กระทำและพฤติกรรมไว้ มีผลบวก-ลบทางรูปคดีทั้งสิ้น
-คำว่า "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย"
-คำว่า "โดยเจตนาเล็งเห็นผล"
เอ้า...แล้วดูซิว่า ที่ตั้งข้อหาแบบนี้ ตั้งแบบ อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ เจนจัดและเจนจบในข้อกฎหมายเชิงประจบเสื้อแดงและทักษิณ "มัดเงื่อนตาย" อภิสิทธิ์-สุเทพเป็นข้อหาสู่หลักประหารดิ้นไม่หลุด?
หรือว่า อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ "มัดเงื่อนกระตุก" พรางตาพวกเสื้อแดงและทักษิณไว้ ด้วยยึดมั่นในดุลยธรรมการทำหน้าที่กฎหมาย จึงตั้งข้อหาดูว่ามหันต์ถึงประหาร แต่จริงๆ แล้ว พอถึงลาน ยังไม่ต้องถึงหลัก...ก็หลุด?
"การร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย" ความหมายมันก็โต้งๆ ร่วมกันในกรณีนี้ มีคนสั่งการ และคำว่า "ให้ผู้อื่น" ก็หมายถึงต้องมีผู้รับคำสั่งการ "ไปฆ่าคนอื่นให้ตาย"
แต่อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ โดยธาริต แจ้งข้อหาเฉพาะ "คนสั่งการ" คืออภิสิทธิ์-สุเทพ ส่วนคนรับคำสั่งการไปฆ่าคนอื่น ปรากฏว่า "ไม่มีตัวผู้ต้องหานาย ก. นาย ข. นาย ค.เลย"
แล้วอย่างนี้ จะเป็นร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายได้อย่างไร ร่วมกับใครล่ะ...มีมั้ย...ก็ไม่มี ในเมื่อมีแค่คนสั่งการ ไม่มีคนรับคำสั่งไปลงมือฆ่า แล้วมันจะเกิดการฆ่าได้ยังไง?
อีกอย่าง ประเด็น "ผู้สั่งการ" นั้น ชี้เฉพาะอภิสิทธิ์-สุเทพ ๒ คน นายธาริตก็อยู่ใน ศอฉ.ด้วยซ้ำ แล้วไม่รู้ขั้นตอนปฏิบัติที่เป็นจริงเลยหรือว่า....
ทุกการสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบของ ศอฉ.นั้น ใช่ว่าอภิสิทธิ์-สุเทพ หรือแม่ทัพ-นายกองคนใดคนหนึ่งมีอำนาจสิทธิ์ขาดสั่งการให้มีผลทางปฏิบัติได้โดยตรงและทันที เพราะตามขั้นตอน ศอฉ. มีลำดับชั้นและขั้นตอนผ่านหลายทอด กว่าจะถึงตัวทหารผู้ลงมือปฏิบัติการ
แล้วดีเอสไอ บายธาริต รู้ได้อย่างไรว่า คำสั่งกับเหตุที่จะเกิดในอนาคตนั้น เป็นคำสั่งอภิสิทธิ์-สุเทพ ๒ คนนี้แน่ๆ ผีถ้วยแก้วบอก หรือผีบางบอน ผีดูไบบอก?
องค์ประกอบเหล่านี้โยงไปถึงข้อหาการสั่งฆ่า "โดยเจตนาเล็งเห็นผล" อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ ไม่ทราบหรือว่า คำว่า "เจตนา" ทางกฎหมายอาญา อันเจตนาเล็งเห็นผลนั้น
เบื้องแรก ไม่ใช่เพ่งเล็งจากผู้สั่ง ต้องพิจารณาจากผู้ลงมือกระทำ ยกตัวอย่างง่ายๆ มีคนยิงปืนใส่รถเมล์ที่มีคนนั่งมาเต็ม อย่างนี้ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนจะต้องไปถูกคนในรถเมล์ได้รับอันตราย หรือถึงตายได้แน่
ส่วนผู้สั่งการจะอยู่ในข่าย "เจตนาเล็งเห็นผล" ด้วยหรือไม่ ก็ต้องดูว่าอยู่ใกล้ชิดกับการทำผิดหรือไม่ เช่น อยู่ในที่ผู้ยิงปืนใส่รถเมล์ด้วย เห็นการกระทำ เห็นสิ่งที่จะถูกกระทำ ทำนองยืนซุ่มอยู่ด้วยกัน เห็นรถเมล์คนโดยสารเต็มวิ่งปุเลงๆ มาก็สั่ง...ยิงเลย แล้วลูกน้องก็ยิง
อย่างนี้ ถือว่าอยู่ใกล้ชิดกับการทำผิด เข้าข่ายร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล!
แต่กรณีอภิสิทธิ์-สุเทพ เข้าข่าย "โดยเจตนาเล็งเห็นผล" ได้อย่างไร พูดให้เข้าใจชัดๆ เพราะอภิสิทธิ์-สุเทพ ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับการปฏิบัติหน้าที่ของทหารตามคำสั่ง ศอฉ.ในแต่ละครั้งเลย
ก็อย่างที่บอก ใน ศอฉ.มีลำดับการบังคับบัญชา สั่งไปเป็นทอดๆ และการสั่งนั้น จะเป็นกรอบเพื่อการปฏิบัติตามขั้นตอน หมายความว่า คำสั่งนั้นเป็นคำสั่งเพื่อใช้ปฏิบัติกับเหตุการณ์อันอาจเกิดในอนาคต ขณะสั่ง ผู้สั่งก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด หรือไม่เกิด ผู้ปฏิบัติก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิด จะหนัก-เบาแบบไหน เวลานั้นจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนไหน?
และเมื่อมีเหตุการณ์ที่ทหารต้องปฏิบัติแต่ละครั้ง ผู้สั่งคืออภิสิทธิ์-สุเทพ ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับการกระทำนั้นๆ เลย แล้วอัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ จะเอาเรื่อง "เจตนาเล็งเห็นผล" มาตั้งเป็นข้อหาในกรณีนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งอ้างมาตรา ๘๓ เป็นข้อหา เท่ากับเป็น "เงื่อนกระตุก" ปรื๊ดดดเดียวหลุด เพราะมาตรานี้เป็นการ "ร่วมกันกระทำความผิด" ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทหาร ก. ทหาร ข.เป็นคนยิงจริง และในที่เกิดเหตุนั้น "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ต้องอยู่ด้วย และต้องมีส่วนร่วมในลักษณะ "แบ่งงานกันทำ" เช่น ส่งปืน ส่งลูกปืนให้ ชี้เป้าให้ อะไรทำนองนี้
คดีนี้ ไม่ต้องระดับทนายมือ ๑ ของประเทศ "นายบัณฑิต ศิริพันธุ์" ว่าความให้หรอก แค่ตีนโรง-ตีนศาลอย่างผมก็เหลือเฟือ ถึงศาลเมื่อไหร่ ธาริตที่ใครค่อนแคะว่าตาเหลือก มีหวังตากลับตรงแหนวแน่ๆ!
อย่าลืม..คำสั่งศาลในการพิสูจน์การตายของนายพัน คำกอง ที่ดีเอสไอหยิบมาครอบจักรวาลว่าอภิสิทธิ์-สุเทพสั่งฆ่านั้น เป็นแค่ผลตามมาตรา ๑๕๐ ยังไม่มีการระบุว่าใคร..คนไหนเป็นคนยิง ยิงโดยปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเกินกว่าเหตุ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมีกฎหมายคุ้มครอง?
ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องต้องสอบสวนต่อ ยังไม่รู้ว่าใครทำความผิด ผิดจริงหรือไม่ แค่จับประเด็นตัดตอนมาพูด มาร์คสั่งยิง สุเทพสั่งฆ่า เอาไปดักควายได้ แต่เอาไปคาดคั้นยันยืนเป็นความผิดในข้อหา "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" ยังไม่ได้
แต่ อัยการ-ดีเอสไอ-ตำรวจ กลับตั้งข้อหา "ตัวการ" ให้อภิสิทธิ์-สุเทพ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดเลย!
เอ้า...ตอบตามหลักกฎหมายซิ..ธาริต "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ร่วมทำความผิดกับใคร ใครคือผู้กระทำความผิด และทำอย่างไร?
จะต้มพวก นปช.กับทักษิณทั้งที ผลงาน "ปิดทองหลังพระ" ดีๆ อย่างนี้ ไม่กระแอม-กระไอกันบ้างเลยนะ เดี๋ยวหยิกติ่งปากซะเลย.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment