2012-01-03

ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่าน..มีความสุขทุกที่ทุกเวลา

มัน น่าเศร้ามากที่คนส่วนมากเลื่อนเวลาในการมีความสุขไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นกฎกติกา หรือวัฒนธรรมการปฏิบัติ แต่เป็นสัญชาตญาณในการ “ให้สัญญา” ตัวเองมากกว่า สัญญาว่า “วันหนึ่งฉันจะมีความสุข” 

โปรดสังเกตว่าเรามีความสุขตอนไหนบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ตอนเราอยู่ในวัยศึกษาเรามีความสุขเมื่อเราได้จ่ายบิลที่เราค้างไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเทอม ค่าจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อมาเรามีความสุขเมื่อเราเรียนจบ แล้วก็มีความสุขเมื่อได้งานทำเป็นงานแรกในชีวิต ต่อมาก็ดีใจและมีความสุขเมื่อได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งงาน หรือได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิมเจอเพื่อนใหม่ หลังจากนั้นเราก็ฝันว่าเราจะมีความสุขเมื่อเราได้แต่งงานมีคู่ชีวิต มีลูกเล็กๆ
แต่พอเราแต่งงานมีลูกเราก็จะง่วนอยู่กับการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพที่ดี การให้การศึกษาอบรม เราตั้งหน้าตั้งตาที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุด ให้สิ่งดี ๆ (มากที่สุด) ที่เราสามารถทำได้ พอลูก ๆ โตเป็นวัยรุ่น เราก็เลื่อนการมีความสุขของเราออกไปอีก เพราะเรากำลังเกาะติดวงล้อรถที่แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วสูง กำลังเลี้ยวเข้าโค้ง เราต้องเกาะติดกระแสวัยรุ่นให้ทัน ให้มั่น เพื่อจะได้เป็นพ่อแม่ที่ อินเทรนด์ เป็นเพื่อนลูก เราอาจจะดูสนุกกับการพยายามไปให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
แต่เดี๋ยวก่อน..ครอบครัวเราใหญ่ขึ้น เราต้องมีรถที่ใหญ่ขึ้น แพงขึ้นหรูขึ้น (ตามคำเรียกร้องของสมาชิกในครอบครัว) ความสุขของเราเหรอ เอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเด็ก ๆ โตแล้วเราคงได้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ เสียที เราสู้บากบั่นต่อสู้เพื่อให้ครอบครัวสบาย ตายไปจะได้เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานกราบไหว้ ระลึกถึง เราเหนื่อยจนถึงวันที่เราอยากให้ลูก ๆ มีครอบครัว เราจะได้พักผ่อนและมีความสุขกับคู่ของเราเสียที สองคนตายาย ไปฮอลิเดย์ ที่โน่นที่นี่ ฟังแล้วมีความสุข คิดว่า ตรงนั้นละมั๊ง ที่คนเราจะได้สัมผัสความสุขอย่างแท้จริง แต่เรามักจะไปถึงตรงนั้นเมื่อเรามีปัญหาสุขภาพพอดี ฉะนั้นการเดินทางก็มีข้อจำกัด คู่ของเราก็พอกัน เราจึงคิดไปเองว่าการที่ได้ดูแลซึ่งกันและกันเป็นความสุขถาวร เราเดินเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยขึ้น เราเรียกการ “พักฟื้น” ว่า “พักผ่อน” บางท่านก็หันไปหาความสุขในรสพระธรรม เข้าหาวัด บางท่านก็เสียคนเมื่อแก่ มีบ้านเล็กบ้านน้อย หลงระเริงว่านั่นคือ “ความสุข” แต่ในที่สุดท่านก็มักจะเจอแต่ความทุกข์..ความสุขที่แท้จริงเมื่อไหร่มันจะมาถึงนะ ท่านเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง
เราก้มหน้าก้มตาเลื่อนเวลาแห่งความสุขของเราออกไปเรื่อย ๆ และตลอดมา เพียงเพื่อให้ถึงเวลาที่เราคิดว่า มันใช่แล้ว มันคือเวลาที่เราจะมีความสุข…แต่เราก็ไม่เคยได้มีความสุขจริง ๆ เลย เพราะเราวิ่งตามสิ่งที่เรามองไม่เห็น…

แท้จริงแล้ว ความสุข..มันไม่ได้วิ่งหนีเรา เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไขว่คว้า มันอยู่ใกล้ ๆ เรานี่เอง..ความสุขอยู่ที่ตัวเราเองนี่แหละ อย่าเลื่อนมันออกไปอีกเลย มันไม่มีเวลาไหนดีกว่านี้แล้ว นอกจากนาทีนี้ และทุก ๆ นาทีที่เรายังมีลมหายใจอยู่..
ขอให้ปีใหม่ปีนี้เป็นปีแห่งการตัดสินใจอันยิ่งใหญ่ของทุกท่าน ตัดสินใจที่จะให้ของขวัญที่มีค่าที่สุดแก่ตนเอง ขอให้ทุกท่านมีสติ มีสมาธิ ให้กำลังใจตนเองทำให้ทุกนาทีเป็นนาทีแห่งความสุข ตลอดปี และตลอดไป
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
วารีนา ปุญญาวัณน์
บรรณาธิการ

No comments: