เวลาของวันหนึ่งนั้นสั้นมาก สั้นจนยังไม่ทันได้กล่าวอรุณสวัสดิ์ พระอาทิตย์ก็พลันตกดินเสียแล้ว
เวลาของหนึ่งปีนั้นก็สั้นมาก สั้นจนไม่รู้ว่าฤดูหนาวมาเยือนเมื่อไหร่ ฤดูร้อนก็เข้ามาแทนที่เสียแล้ว
เวลาของหนึ่งชีวิตนั้นก็สั้นไปยิ่งกว่า สั้นจนไม่ทันได้เสพสุข พลันชีวิตก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
เราผ่านชีวิตไปอย่างรวดเร็ว แต่เราเข้าใจชีวิตได้อย่างเชื่องช้า
หลังจากอายุเลยเลข 20
บ้านเกิดหรือบ้านใหม่แทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - ค่ำไหนนอนนั่น
หลังจากอายุเลยเลข 30
ตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่มีเวลานอน
หลังจากอายุเลยเลข 40
เรียนสูงหรือเรียนน้อยแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - คนเรียนมาน้อยอาจมีเงินมากกว่าคนเรียนระดับสูง
หลังจากอายุเลยเลข 50
สวยหรือขี้เหร่แทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - ต่อให้สวยมาก่อน ตอนนี้ทั้งฝ้า กระ และรอยตีนกาอาจมาเยือนเต็มใบหน้า
หลังจากอายุเลยเลข 60
ตำแหน่งใหญ่หรือต่ำแหน่งเล็กแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - เกษียณแล้วได้ชื่อว่าเป็นคนชราเหมือนกัน
หลังจากอายุเลยเลข 70
บ้านหลังใหญ่หรือบ้านหลังเล็กแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - สังขารเริ่มเสื่อมถอย ลุกก็โอย นั่งก็โอย
หลังจากอายุเลยเลข 80
มีเงินมากหรือมีเงินน้อยแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - ต่อให้อยากใช้เงินเหมือนเก่า ก็ใช่ว่าจะได้ใช้เหมือนที่เคย
หลังจากอายุเลยเลข 90
ผู้ชายหรือผู้หญิงแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน - เนื้อหนังเหี่ียวย่น ผมเผ้าประปราย หูตึง ตาพร่า มือสั่น เหมือน ๆ กัน
หลังจากอายุเลยเลข 100
จะนอนหรือนั่งแทบไม่ต่างกัน - นอนก็มองเพดาน นั่งก็มองประตูบ้าน รอวันสิ้นลม
...
ชีวิตคนเราแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน
ต่างกันแค่ความดีกับความชั่ว
เพราะช่วงสุดท้ายของชีวิต
บ้างสะเทือนเลื่อนลั่นผู้คนสรรเสริญ
บ้างอับเฉาซบเซาไร้คนเหลียวแล
บ้างก็หนักดั่งขุนเขา
บ้างก็เบาดั่งขนนก
รู้ชีวิต เข้าใจชีวิต สร้างสรรค์ชีวิต
จึงก่อเกิดคุณค่าแห่งชีวิต
.....
No comments:
Post a Comment