10 สิ่งที่เราเรียนรู้จาก โคโรน่าไวรัส
1. เตือนใจว่า เราเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน อาชีพ วัฒนธรรมศาสนา ไม่เกี่ยว ไวรัสนั้นก็ปฎิบัติกับเราเท่าเทียมกัน
2. มันบอกเราว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ล้วนไม่แน่นอน หลายสิ่งที่เมื่อวานสดใส วันนี้ไม่ใช่แล้ว แต่ความมืดมน ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสดใส ได้อีก แล้วสลับเป็นมืดมนได้อีก สลับกันไปเรื่อย ๆ
3. มันทำให้เรารู้ว่า พวกเราทุกคนนั้นมีความเชื่อมโยง ถึงกัน ถ้ามีอะไรกระทบคนหนึ่ง ก็จะกระทบถึงอีกคนหนึ่งได้ด้วย ฉะนั้นเราส่งอะไรออกไปก็จะได้รับสิ่งนั้นกลับมาด้วย (ไม่ว่า รอยยิ้ม หรือความเกลียดชัง)
4. มันเข้ามาทำให้เราตระหนักถึง คุณค่าของสุขภาพ ว่ามันสำคัญมากมายเพียงใด ซึ่งเราได้ละเลยมันมานาน กินอาหารขยะ ไม่เคยออกกำลังกาย
5. มันทำให้เรารู้ว่า ชีวิตนี้มีค่ามากมายเพียงใด
6. มันทำให้เราตระหนักถึงความตายมากขึ้น จากที่เราเคยหลีกเลี่ยงการมอง คิดว่ามันไกลตัว จนลืมว่าเราเองก็ต้องตายในวันหนึ่ง( มันจึงทำให้เราใช้ชีวิต ไร้ความเมตตา จมอยู่กับ ความโกรธ เกลียด อิจฉา ริษยา ทำทุกอย่าง โดยไม่สนวิธีการ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ จริง ๆ )
7. มันทำให้เราเห็นว่า เราหลงใหล ใน “วัตถุนิยม”มากมายเพียงใด มันทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้ว เราต้องการสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
8. มันเข้ามาตบกะโหลกเราว่า”ครอบครัว” นั้นสำคัญเพียงใด ในช่วงเวลานี้( มันทำให้หลายคน หยุดใช้ชีวิตที่เร่งรีบ มาใช้ชีวิตอย่างช้า ๆ กับ คนที่ตนรัก)
9. มันทำให้เรารู้จักตัวตนของกันและกัน (เราจะเปิดเผย ตัวตนออกมา ในช่วงที่ยาก ลำบาก เสมอ) และเราจะเรียนรู้ที่จะ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันและกัน หรือเห็นแก่ตัว เอาเปรียบ บ่อนทำลายและสร้างความเดือดร้อน
10. มันอาจจะเป็นคำเตือนจากธรรมชาติ ว่าโลกใบนี้กำลัง บอบช้ำและป่วยหนักมากมายเพียงใด มันจึงเปิดเผย ความจริง เกี่ยวกับ กิจกรรมของมนุษย์ที่ทำลายโลก.
หวังว่าคุณจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจาก วิกฤติร้าย ไวรัสโคโรน่า 19 นี้
วันนี้ "หนังสือพิมพ์เดอะซัน" ของอังกฤษเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์
จดหมายฉบับนี้ได้รับการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถูกส่งต่อจากคนในวงกว้าง คนทั้งหลายต่างกล่าวขานชื่นชมว่าบิลเกตส์เป็นผู้เปี่ยมสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง
********************************************
ต่อไปนี้คือ
จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์:
ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีจุดประสงค์ทางจิตใจอยู่เบื้องหลัง
ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันดีหรือไม่ดีก็ตาม
ในขณะที่ฉันได้นั่งคิดอย่างมีสติรอบคอบ
ฉันจึงอยากจะขอร่วมแบ่งปันเสียงสะท้อนจากใจของฉันให้กับท่านทั้งหลาย
ว่าแท้จริงไวรัสโคโรน่าได้ทำอะไรกับพวกเราไปบ้าง
1)ไวรัสนี้ได้มาเตือนบอกเราทั้งหลาย ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าวัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ สภาพการณ์เศรษฐกิจของเราจะต่างกันอย่างไร
หรือต่อให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งก็ตาม ในสายตาของไวรัสแล้วเราทุกคนล้วนเสมอภาคเท่ากัน เราทุกคนก็ควรปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเสมอภาคเช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดมา
คุณก็ไปถามทอมแฮ็งค์ดู
2)ไวรัสนี้ได้มาเตือนเรา ว่าชะตากรรมของเราทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ส่งผลต่อคน ๆ หนึ่งก็สามารถส่งผลต่ออีกคนเช่นเดียวกัน
ไวรัสยังเตือนเรา พรมแดนเท็จที่เราสร้างไว้นั้นมันไร้ค่าเสียจริง เพราะไวรัสไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางก็ข้ามระหว่างประเทศได้
3)ไวรัสเตือนสติเราว่า สุขภาพที่ดีมีค่าแค่ไหน แต่เรากลับละเลยสุขภาพนี้ ไปกินอาหารขยะทั้งหลาย ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ ถ้าเราไม่ดูแลตนเอง แน่นอนว่าเราต้องเจ็บป่วย
4) ไวรัสเตือนเราว่า ชีวิตนั้นทุกข์และแสนสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออะไร
โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยแล้ว. จุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การซื้อกระดาษชำระแบบม้วน
5)ไวรัสเตือนเราว่า สังคมของเราเห็นวัตถุกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อเราประสบกับปัญหาความยากลำบาก
เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความต้องการพื้นฐานของเราคือ อาหาร น้ำและยา มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย
6)ไวรัสเตือนเราว่า ครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด แต่เรากลับมองข้ามจุดนี้ไปแล้ว ไวรัสบังคับให้เรากลับไปบ้านของเรา
ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างบ้านให้เป็นครอบครัว และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในครอบครัว
7)ไวรัสเตือนเราว่า งานที่แท้จริงของเราไม่ใช่งานที่เรากำลังรับจ้างอยู่นั้น
แน่นอนว่าเราต้องทำงาน แต่ทว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างเรามา
ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำงาน งานที่แท้จริงของเราทุกคน คือการดูแลซึ่งกันและกัน
ปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
8)ไวรัสเตือนเราว่า เราอย่าได้สำคัญตัวเองยิ่งใหญ่ หยิ่งผยอง ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เพียงใด ไวรัสขนาดเล็กๆเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่งได้ทันที
9)ไวรัสเตือนเราว่า อิสรภาพอยู่ในมือของเราเอง เราสามารถเลือกที่จะร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เลือกที่จะแบ่งปันให้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน หรือเราสามารถเลือกที่จะเห็นแก่ตัว กักตุนเสบียงเพื่อดูแลแค่เฉพาะตัวเองเท่านั้น มีเพียงในยามยากลำบาก เราจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งได้
10) ไวรัสเตือนเราว่า เราสามารถอดทน หรือตื่นตระหนกได้ เรายังสามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไป เราอาจตื่นตระหนก
คิดว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว จนส่งผลทำร้ายตัวเราเอง
11)ไวรัสเตือนเราว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น เวลานี้เราสามารถไตร่ตรองและทำความเข้าใจได้แล้วเรียนรู้รับเอาบทเรียนจากความผิดพลาดนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเวียนว่าย และอาจจะดำเนินเช่นนี้ต่อไปจนกว่าเราได้รับบทเรียนทั้งหมด
12)ไวรัสเตือนเราว่าโลกของเรากำลังป่วย
ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า เราต้องดูว่าผืนป่าหายไปเร็วแค่ไหน นอกจากนี้คุณต้องดูความเร็วที่กระดาษชำระม้วนหนึ่งหายไปจากชั้นวางว่าเร็วแค่ไหน เราทุกคนต่างป่วยกันหมดแล้ว เพราะครอบครัวของเราป่วย(โลกคือครอบครัวของเรา)
13)ไวรัสเตือนเราว่า ความยากลำบากมักจะผ่านไปได้เสมอ แล้วจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมา ชีวิตเป็นวัฏจักรวนเวียน
ตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวัฏจักรเท่านั้น เราไม่ต้องตกใจ โรคระบาดจะผ่านไปได้แน่นอน
14)หลายคนคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นหายนะ แต่ฉันคิดว่านี่จะเป็นการ "แก้ไขข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"
อ่านแล้วชวนให้คิด ลองทบทวนอ่านบทความซ้ำอีกซักครั้งนะครับ ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตมฤตยูมหันตภัยร้าย ในศรรตวัตที่ 21 นี้ไปด้วยกัน
ขอบคุณที่วันนี้ตื่นขึ้นมาแล้วยังมีลมหายใจ
รัก และสวัสดี
No comments:
Post a Comment