2020-02-05

7 คำทำนายอนาคตโลกที่คุณต้องอึ้ง!!!

7 คำทำนายอนาคตโลกที่คุณต้องอึ้ง!!! ณ ปี 2030 (พ.ศ.2573) อีก 15 ปีข้างหน้า โดย บิลล์ เกตส์

สิ่งที่เขากล่าวไว้สะเทือนโลกเสมอสำหรับ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลดังที่ปรากฏให้เราเห็นและนี้ คือ 7 คำทำนายที่ เกตส์ กล่าวไว้ในระหว่าง 2- 3 ปีที่ผ่านมา ว่าในอีก 15 ปี ข้างหน้า ปี 2030
7 คำทำนายอนาคตโลกที่คุณต้องอึ้ง!!! ณ ปี 2030 (พ.ศ.2573) อีก 15 ปีข้างหน้า โดย บิลล์ เกตส์






สิ่งที่เขากล่าวไว้สะเทือนโลกเสมอสำหรับ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลดังที่ปรากฏให้เราเห็นในการพูดถึงเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต เมื่อ ปี 1999
ซึ่งถึง ณ วันนี้ 2017 ทุกเรื่องแม่นยำอย่างน่าตกใจ! และนี้ คือ 7 คำทำนายที่ เกตส์ กล่าวไว้ในระหว่าง 2- 3 ปีที่ผ่านมา … ว่าในอีก 15 ปี ข้างหน้า ปี 2030 ( พ.ศ.2573 ) … โลกจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน …
1. นับจากวันนี้ไป อีก 15 ปีข้างหน้า เชื้อโรคร้ายแรงอาจ
คร่าชีวิตคน 33 ล้านคน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
เกตส์ กล่าวในงาน Munich Security Conference ถึงคำเตือนของนักระบาดวิทยา ถึงเชื้อโรคที่แพร่กระจายทางอากาศอย่างรวดเร็ว และอาจคร่าชีวิตคนมากกว่า 30 ล้านคนในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
โดยสาเหตุอาจมาจากการกลายพันธุ์ของเชื้อ อุบัติเหตุ หรือ การก่อการร้าย แม้คำกล่าวนี้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อครั้งเกิดโรค “กาฬมรณะ” (Black Death)
ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 1 ใน 3 ของทวีปยุโรป หรือการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสเปน (Spanish Flu) เมื่อปี 1918 มีผู้เสียชีวิตราว 50-100 ล้านคน
2. ทวีปแอฟริกาจะสามารพึ่งพาตนเองได้ทั้งหมดในการผลิตอาหาร
ทวีปแอฟริกาอาจมีภาพลักษณ์ที่แร้นแค้น แต่ บิลล์ เกตส์ เชื่อว่าทั้งทวีปจะสามารถพึ่งพาตนในการผลิตอาหารเองทั้งหมดได้แน่นอน ด้วยปัจจัยการเปลี่ยนแปลง 3 ประการ
1) พันธุ์พืชและปุ๋ยที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะมอบคุณค่าทางโภชนาการที่มากพอและมีการเจริญเติบโตที่ดีในพื้นที่
2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะช่วยให้การกระจายสินค้าเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น เช่น การขยายถนนระหว่างแหล่งผลิตและแหล่งกระจายสินค้าในกาน่า และ
3) การมีโทรศัพท์มือถือจะช่วยให้การรับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นง่ายขึ้นในวงกว้าง เช่น รายงานสภาพอากาศและราคาสินค้าในตลาด


3.
 ชีวิตของคนยากจนจะถูกเปลี่ยนด้วย Mobile Banking
ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์จะเข้ามาช่วยผู้คนยากไร้เก็บรักษาเงินในรูปแบบดิจิทัล, เกตส์ กล่าวในจดหมายประจำปี 2015 ของเขาว่า “ภายในปี 2030 คน 2 พันล้านคน
ที่ไม่มีบัญชีธนาคารในปัจจุบัน พวกเขาจะเก็บและจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ” และสำคัญกว่านั้น คือการให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ
ที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ เช่น บัญชีเงินฝากที่มีดอกเบี้ย เครดิต และประกันได้
4. ใน 2035 (แทบ)จะไม่มีประเทศยากจนในโลกอีกต่อไป! (นี่ข่าวดีที่สุด!)
ในจดหมายประจำปี 2014 เกตส์ ได้เขียนโต้มายาคติที่ว่า “ประเทศยากจนก็จะจนต่อไป” ด้วยการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในช่วงชีวิตของเขา เกตส์ เชื่อมั่นว่า
เมื่อปี 2035 มาถึง โลกจะแทบไม่มีประเทศยากจนอีกต่อไป โดยทุกๆประเทศจะกลายมาเป็นประเทศรายได้ระดับกลาง-ล่าง หรือ รวยกว่านั้น โดยประเทศต่างๆจะเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จ
รวมถึงได้รับความช่วยเหลือจากนวัตกรรมต่างๆเช่น วัคซีนใหม่ๆ พันธุ์พืชที่ดีขึ้น และการปฏิวัติดิจิทัล

5. จะมีการค้นพบพลังงานสะอาดที่จะเปลี่ยนโลกภายในปี 2030
คำทำนายนี้มีขึ้นในปี 2016 และแม้ เกตส์ ไม่ได้เอ่ยว่าพลังงานสะอาดที่ว่านั้นคืออะไร เขาก็ได้ประกาศถึงแผนการลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานทดแทน
เกตส์กล่าวถึงความจำเป็นของการลงทุนที่มี”ความเสี่ยงสูง”ในเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก เพื่อยับยั้งโศกนาฏกรรมของภาวะโลกร้อน ซึ่งเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในปัจจุบันนั้น
ยังไม่สามารถรองรับความต้องการการใช้พลังงานในอนาคตได้เพียงพอ
6. มนุษย์สูญเสียงานจำนวนมากให้เทคโยโลยี Automation
ในการสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Quartz เกตส์ได้พูดถึงอนาคตของการจ้างงานดังที่ผู้นำในวงการคนอื่นๆพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถึงการที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนมนุษ์ในอนาคต
โดยเกตส์เสนอแนวคิดให้รัฐบาลเก็บภาษีผู้ที่ใช้หุ่นยนต์ และนำรายได้ในส่วนดังกล่าวไปเป็นทุนในการจ้างงานในตำแหน่งที่มีความต้องการในตลาด และเหมาะสมกับความสามารถของมนุษย์
เช่น การดูแลผู้สูงอายุหรือการทำงานกับเด็ก เป็นต้น เกตส์ กล่าวว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนมนุษย์นั้นจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพร้อมกันในหลายอุตสาหกรรม
จึงมีความจำเป็นจะต้องมีการจัดการกับตำแหน่งงานที่จะถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเก็บภาษีผู้ใช้หุ่นยนต์ก็เป็นหนทางหนึ่งในการชะลอการเข้ามาของหุ่นยนต์ดังกล่าว
7. โรคโปลิโอจะถูกกำจัดไปจากโลกในปี 2019
โปลิโอเคยเป็นโรคร้ายที่เป็นที่หวาดกลัวและคร่าชีวิตเด็กจำนวนไม่น้อยในศตวรรษที่ผ่านมา ในจดหมายประจำปี 2013 เกตส์ เผยสถิติการแพร่กระจายของโปลิโอที่ลดลง
จนมีสถานะการระบาดอยู่ใน 3 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น เกตส์ กล่าวถึงปัจจัยสำคัญในการกำจัดโปลิโอว่าคือการวัดผลและการประเมิณคุณภาพของบริการสาธารณะสุขที่แม่นยำ
ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อโครงการกำจัดโปลิโอแล้ว ยังจะกลายมาเป็นรากฐานของระบบการติดตามและประเมิณผลของบริการด้านสุขภาพต่อไป

No comments: