2013-10-18

อายุ 60 ก็ยังไม่สายที่จะออกกำลัง รับประทานอาหารที่เหมาะสมทางโภชนาการ และรักษาอารมณ์ปล่อยวางที่ดี


บทความนี้ จะอ่านได้อย่างสมบูรณ์ ถ้ามีฟ้อนต์ "น้องน้ำ" หากไม่มี ดาวโหลดและติดตั้งได้ที่นี่ค่ะ
1 ตุลาคม 2556


วันนี้เป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ของประเทศเรา เมื่อวานนี้ก็เป็นวันสุดท้ายในการรับราชการของผู้เกษียณ และวันนี้ก็เป็นวันเริ่มต้นของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งแทนผู้เกษียณทุกคน ก็ถือเป็นเรื่องปกติทุกปีเพราะก็ต้องมีคนรุ่นใหม่มารับภาระหน้าที่แทนคนรุ่นเก่า

อยากให้คนถือว่าตำแหน่งคือภารกิจหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมาย เมื่อหมดหน้าที่ก็ไม่ต้องยึดติด กลับไปให้เวลากับครอบครัวลูกหลาน และที่สำคัญคือดูแลสุขภาพตัวเองครับ พออายุมากๆสุขภาพจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด 


ถ้าสุขภาพดีก็มีแรงทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าสุขภาพไม่ดีก็ทนทุกข์ทรมาน เสียเงินรักษาจำนวนมาก อยู่ก็ไม่มีความสุข ไปไหนมาไหนก็ลำบาก อายุ 60 ก็ยังไม่สายที่จะออกกำลัง รับประทานอาหารที่เหมาะสมทางโภชนาการ และรักษาอารมณ์ปล่อยวางที่ดี ไม่ว้าวุ่นจากการยึดติดใดๆ ก็ขอให้ผู้เกษียณมีความสุข เพื่อจะได้เอาความรู้ประสบการณ์ที่มีมาถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังต่อไปนานๆ

สำหรับผู้ที่รับตำแหน่งใหม่ก็ขอให้ช่วยกันทุ่มเทให้บ้านเมืองนะครับ เรายังต้องปรับตัวให้ทันโลก ทันภูมิภาคอีกเยอะครับ ถ้าเราไม่เห็นโลกเราก็คิดว่าเราสุดยอดแล้ว แต่ที่ไหนได้ เราต้องปรับปรุงตัวเราอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศักยภาพในการแข่งขัน โครงสร้างพื้นฐาน และการปรับตัวเข้าสู่การเป็น Creative Economy และ Knowledge Based Economy เพราะหลังจากการเปิด AEC ในปี ค.. 2015 และการแข่งขันการเปิดเสรีทางการค้า (FTA) เราจะเผชิญกับความท้าทายอีกหลายด้าน


ผมเพิ่งออกจากฮ่องกง มาเก๊า และกำลังเดินทางไปปักกิ่ง ก็ยังเห็นว่าความเป็นประเทศไทยที่คนไทยมีคุณภาพในการให้บริการสูงจนเป็นที่ติดอกติดใจของผู้มาเยือนทั้งหลายนั้น ก็ยังต้องปรับปรุงตัวเองเพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวอีกมาก หรือการให้บริการทางการแพทย์ของเราหลังจากฮิตมาก ก็เริ่มถูกต่อต้านเพราะพาณิชย์มาก จนขาดความเหมาะสมต่อจรรยาบรรณทางการแพทย์แล้ว overchange

เดี๋ยวปีหน้าจีนกับไทยอาจจะบรรลุข้อตกลงในการ ยกเลิก VISA ต่อกัน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวมากขึ้นอีก สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองจะรองรับไม่ไหว ภูเก็ตเองก็ overload ไปแล้ว คงต้องเร่งขยายอย่างหนักเลยครับ แต่โรงแรมไทยก็แข่งกันลดราคาจนกลายเป็นว่าเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกค่าที่พัก ในโรงแรม 5 ดาวของไทยถูกที่สุด ถูกเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องกง มาเก๊า ปักกิ่ง สิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งดูไบ

วันก่อนได้คุยกับท่าน ผบ.ตร. ผมก็บอกว่าผมได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ขายของทั้งหลายในเมืองท่องเที่ยวเช่นพัทยา ภูเก็ต ว่ามีหน่วยงานทั้งหลายในตำรวจและหน่วยงานภายนอกเดินเก็บส่วยกันมากจนเป็น cost ของผู้ประกอบการ และแน่นอนก็จะผ่านไปยังผู้บริโภค ทั้งๆที่รัฐบาลได้จัดการปัญหาเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายออกไปอย่างสิ้นเชิง ก็ยังไม่ง่ายเพราะนิสัยที่ชอบเก็บส่วยได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ขอให้ช่วยกันจัดการด่วน! ท่านก็บอกว่าท่านนายกฯได้สั่งการมาแล้วครับ ผมเลยหวังว่าทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นครับ

วันนี้พูดหลายเรื่อง เอาเท่านี้ก่อนครับ ไปอยู่ปักกิ่งแล้วจะมีเวลาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังอีกครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
24 กันยายน 2556 อีกไม่กี่วัน ก็สิ้นปีงบประมาณ มีข้าราชการเกษียณอายุกันหลายคน แต่ผมก็พ้นวัยเกษียณมา 4 ปีแล้ว ก็เข้าใจคนเกษียณดีเพราะปัจจุบันการแพทย์และโภชนาการทำให้คนอายุยืนและแข็งแรง บางคนก็อาจจะมีความปรารถนาที่จะได้รับใช้บ้านเมือง รับใช้สังคมต่อในแนวทางต่างๆกันไป

ผมอยากเห็นคนที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ได้แบ่งปันเวลาถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง ไม่ว่าจะวงแคบๆคือลูกหลานตนเอง หรือสอนหนังสือบรรยายในโอกาสต่างๆ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับภาคเอกชนหรือภาครัฐบ้าง ถ้าชอบการเมืองก็มาทำงานให้บ้านเมืองในอีกรูปแบบหนึ่ง และให้เวลาดูแลสุขภาพตัวเองมากๆนะครับ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ การมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีนะครับ

หายไปหลายวัน ก็ขอเล่าเรื่องที่หายไปให้ฟังว่า ผมไปทำอะไรบ้าง เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ได้พบกับท่านผู้บริหารระดับสูงของประเทศอินเดีย เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและเพิ่มความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย และอาเซียน-อินเดียครับ ตอนนี้อินเดียผลิตข้าวได้เกินการบริโภคภายในมากถึง 10 ล้านตันที่จะต้องส่งออก เราเองก็ผลิตข้าวมากขึ้น เวียดนามก็ผลิตได้มากขึ้น จึงทำข้าวล้นตลาด ถ้าขืนแย่งกันขาย ชาวนาทั้ง 3 ประเทศคงลำบาก ก็คงต้องพูดคุยกันว่าขายอย่างไร ที่ราคาข้าวตลาดโลกจะไม่ตกต่ำจนเกินไป นอกจากนั้นทางอินเดียก็ยังอยากเห็นถนนเชื่อมโยงอินเดียมาไทยผ่านพม่า เหมือนกับที่จีนเชื่อมเข้าไทยโดยรถยนต์ผ่านลาว ซึ่งตอนนี้แถวเชียงใหม่ก็จะมีคนจีนขับรถมาเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆครับ

เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา ผมก็ได้รับเชิญให้ไปดูการแข่งขันรถ Formula-1 ที่ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้มีโอกาสพบกับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ Sultan Bolkiah พระราชาธิบดีแห่งบรูไน เจ้าชาย Andrew แห่งประเทศอังกฤษ และ Aung San Suu Kyi จากเมียนมาร์ ก็ได้มีโอกาสทักทายพูดคุยกัน ถามทุกข์ถามสุขกัน นอกจากนี้ยังได้พบกับรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีของสิงคโปร์ นักธุรกิจรุ่นเก่าที่เคยรู้จักกันของสิงคโปร์ รวมทั้งพลเอก Fidel Ramos อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ครับ

ที่เล่ามายืดยาวก็เพราะอยากตั้งคำถามว่า ไทยควรจะจัดให้มีการแข่งขันรถ Formula-1 หรือไม่ เราจะได้ประโยชน์คุ้มค่าเงินที่ลงทุนหรือไม่ รัฐหรือเอกชน ใครควรทำและรัฐควรสนับสนุนแค่ไหน ประโยชน์ที่ว่าคงจะไม่ใช่เฉพาะรายได้โดยตรงเพียงอย่างเดียว แต่รวมทั้งภาพพจน์ประเทศ และการท่องเที่ยว เป็นต้น และเราควรจะลงทุนแค่ไหน เพราะที่สิงคโปร์เขาใช้ถนนปกติเป็นที่แข่งขัน โดยการปิดถนนส่วนใหญ่แทนการสร้างทั้งหมด แต่บางแห่งก็สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นที่ The Marina Bay Street Circuit เป็นต้น ที่พูดมาเพียงเล่าให้ฟัง ไม่ได้บอกว่าผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนะครับ

No comments: