2013-12-02

ไทยจะกลายเป็นอียิปต์?

December 2, 2013 (2)


(แปลจากบทความภาษาอังกฤษเรื่อง The Mummification of Thailand? โดย จักรภพ เพ็ญแข)

ใครในโลกนี้ที่ยังไม่เข้าใจความซับซ้อนของการเมืองไทย รู้ข่าวการประชุมอันแปลกประหลาดเมื่อคืนนี้แล้วคงเข้าใจอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น

การประชุมอันไม่คาดฝันนี้ เกิดขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำม็อบป่วนเมือง ผู้ประสานงานการประชุมคือผู้บัญชาการเหล่าทัพ ๓ เหล่าทัพ บก เรือ อากาศ ตัวผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อยู่ในที่ประชุมด้วย การประชุมจบสิ้นลง โดยไม่มีข้อสรุปใดๆ เป็นมรรคผล นายสุเทพฯ ใช้เวลาทั้งหมดเรียกร้องให้รัฐบาล “คืนอำนาจ” ให้กับประชาชนในทันที นายกรัฐมนตรีรับว่าการประท้วงในลักษณะยึดบ้านยึดเมืองทำให้เกิดความลำบากอยู่บ้างในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่พูดชัดเจนว่าการคืนอำนาจในลักษณะนั้นไม่มีอยู่สารบบของระบอบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญของชาติ จะมีก็แต่ลาออกหรือยุบสภาเท่านั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ที่จะระงับสถานการณ์ที่มีผู้ปลุกขึ้น แต่การคืนอำนาจตามที่นายสุเทพฯ เสนอนั้นไม่ใช่หนทาง เราต่างก็ประหลาดใจที่รู้ว่ามีการประชุมเช่นนี้ขึ้น และเราคงจะประหลาดใจหนักขึ้นไปอีกหากการประชุมเช่นนั้นช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ ท่านนายกรัฐมนตรีพูดถูกแล้ว การคืนอำนาจอย่างนั้นทำไม่ได้ นั่นไม่ใช่ที่ถูกต้องเลย

จริงๆ แล้วผลการประชุมมิใช่สาระสำคัญ ตัวการประชุมต่างหากที่น่าสนใจไต่ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งสามเหล่า เดินนำคนที่มีพฤติกรรมการเมืองอย่างนายสุเทพฯ มาพบผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ผู้สังเกตการณ์ต่างตั้งคำถามว่ากองทัพแห่งชาติกำลังเล่นบทบาทใดอยู่ในขณะนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างยอมรับการกระทำของนายสุเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องนอกระบบรัฐสภาและผิดกฎหมายหรือ ท่านกำลังช่วยสร้างบรรทัดฐานอย่างไรให้กับบ้านเมือง และคำถามที่หนักยิ่งกว่านั้นในใจของหลายคนคือ ท่านเป็นส่วนหนึ่งของแผนวินาศกรรมทางการเมืองแผนใหญ่เพื่อต่อต้านการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ ที่ฉากแรกของแผนคือการสร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองในขณะนี้ใช่หรือไม่ 

เตือนความจำกันสักหน่อยในกรณีประเทศอียิปต์ ตอนที่ความขัดแย้งเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประธานาธิบดีโมฮัมหมัด มอร์ซี กับผู้ประท้วงจำนวนมากร้อนระอุขึ้นนั้น กองทัพอียิปต์นี่ล่ะ ที่ออกมาขีดเส้นตายให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความขัดแย้งให้จบให้ได้ มิฉะนั้นก็จะดำเนินมาตรการที่กองทัพเห็นสมควรต่อไป แน่นอนว่าความขัดแย้งขนาดนั้นย่อมแก้ไขไม่ได้ในกรอบเวลาอันจำกัด ทหารอียิปต์จึงเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า รัฐบาลทั่วโลกในขณะนั้นต่างก็สับสนงุนงง ไม่กล้าประกาศว่าพฤติกรรมเช่นนั้นคือการรัฐประหารนั่นเอง ขนาดรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังอึกอักอยู่เป็นนาน ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะยอมรับว่าเป็นการยึดอำนาจ และประกาศ “ทำโทษ” อย่างเสียไม่ได้ ดูสิครับว่า อียิปต์ขณะนี้เป็นอย่างไร ไม่มีระบอบประชาธิปไตย ไม่มีแนวโน้มใดๆ ว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ไม่มีความสมานฉันท์ใดๆ เกิดขึ้น เว้นแต่ความรุนแรงและการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามที่หนักหน่วงขึ้น และร้ายที่สุดคือ ระบอบทหารอียิปต์กลับมีอำนาจทางการเมืองเพิ่มขึ้นทุกวัน อดีตประธานาธิบดีมอร์ซีก็ติดคุกอยู่อย่างนั้น เพราะต้องคดีที่ฝ่ายทหารเพิ่มเติมให้เรื่อยๆ

ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นอียิปต์หรือไม่? รูปแบบของแผนการดูจะเดินไปในทางเดียวกันเสียเหลือเกิน นี่ถ้าเพิ่มประเด็นความกลัวและความกังวลของการเมืองปลายรัชกาลและการสืบสันตติวงศ์เข้าไปอีก ภาพก็จะชัดจนแทบไม่ต้องอธิบายอะไรใดๆ.

No comments: