2022-04-11

วิธีหยุดนิสัย...ซุบซิบนินทาของคนอื่นในทันที !!

 วิธีหยุดนิสัย...ซุบซิบนินทาของคนอื่นในทันที !!

การพูดถึงผู้อื่นมีหลายระดับ ตั้งแต่การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นไปจนถึงการนินทา กล่าวหา ว่าร้าย...ตามระดับเนืื้อหาที่ค่อยๆรุนแรงขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว คนเรามักจะจำคำพูดที่ถูกนินทาว่าร้ายได้ไม่มีวันลืม และคนที่ถูกนินทาก็จะตอบโต้กลับด้วยคำนินทาที่รุนแรงกว่าเดิม...ซึ่งเปรียบเสมือนกับบูมเมอแรง ที่มักจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด

ในขณะที่ในปัจจุบัน ไม่ว่าสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ต่างก็มีเนื้อหาในทางกล่าวหา ว่าร้าย นินทาอยู่เต็มไปหมด ทำให้สภาพสังคมทุกวันนี้ หลีกหนีจากคำนินทาไม่มีทางพ้น...ซึ่งเป็นมารยาทที่น่าเป็นห่วงของสังคมยุคนี้จริงๆ

ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นอยู่ด้วยเหมือนกัน และเมื่อมองย้อนกลับมาแล้วจึงรู้สึกเสียใจในคำพูดของตนเองที่ได้พูดเช่นนั้นออกไป

การฝึกตัวเองเพื่อไม่ให้กล่าววิพากษ์วิจารณ์จนถึงนินทาผู้อื่น ล้วนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก...เพราะในบางครั้งอารมณ์ความสนุกของเรามักจะทำให้พูดวิจารณ์ถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย...ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรมเลยกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงและที่สำคัญหากมีเพื่อนที่ฟังอยู่หลายคนเค้าก็รู้สึกว่า เราเป็นคนที่ไม่น่าคบเอาเสียเลย

ความเป็นจริง ก็คือ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกนินทาลับหลังไปได้

สิ่งที่ทำได้ ก็คือ ตั้งใจว่าต่อไปนี้ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ นินทา ว่าร้ายผู้อื่น หรือสิ่งใดๆเป็นอันขาด

และเมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างว่า "เป็นคนที่ไม่นินทาใครลับหลัง"...ซึ่งทำให้ทุกคนต่างก็ชื่นชอบและนับถือมากที่สุด

 ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกผิด กับการนินทาว่าร้ายผู้อื่น แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ในชีวิตเค้าขาดการนินทาไม่ได้ และเหตุผลทางจิตใจก็คือ

1) การกระทำที่ผิดพลาดของผู้อื่น ช่วยให้รู้สึกดีกับพฤติกรรมตนเองมากขึ้น

2) การพูดคุยถึงชีวิตของผู้อื่น ช่วยให้ตนเองหลบเลี่ยงจากปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้

3) การซุบซิบนินทา ทำให้รู้สึกมีอำนาจควบคุม เพราะจะคิดว่าตนเองรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ และคนอื่นๆจะต้องเข้ามาหา ทำให้รู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญ และมีคุณค่า

ดังนั้นหากเราต้องเจอคนประเภทนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เราสามารถเอาเทคนิค ดังต่อไปนี้ไปใช้ได้

 เทคนิคที่ 1 คือ ทำให้หมดความภูมิใจที่ได้นินทาคนอื่ืนลับหลัง

 ทำให้คนที่ชอบนินทาคนอื่นเข้าใจว่า คนที่เก็บความลับได้ คือคนที่คนอื่นชื่นชอบ ส่วนคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ นินทาคนอื่น เป็นคนที่ไม่มีใครชอบ

ตัวอย่างเช่น คุณอยากให้เลขาฯ ของคุณที่ชื่อ "สมใจ" เลิกนินทาคนอื่นเสียที

 คุณและใครสักคน ควรพูดคุยกันในที่สาธารณะเพื่อให้สมใจได้ยินว่า "ผู้เขียนชอบสมหญิงจริงๆ เธอเป็นคนน่ารัก เวลาที่มีใครเอาเรื่องของคนอื่นมาพูดในแง่ลบ เธอจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เธอเป็นคนที่ผู้เขียนไว้ใจในทุกๆเรื่อง เธอเป็นคนดีมาก ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นเธอตั้งวงซุบซิบนินทาใครเลย"

 เทคนิคที่ 2 คือ สร้างแรงผลักดันภายในใจ

ทำให้เขากล่าวคำพูดที่สื่อว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทา จากผลการวิจัย..ธรรมชาติของมนุษย์เราต้องการความสอดคล้องระหว่างความคิดกับการกระทำ...เมื่ือทำให้คนที่ชอบซุบซิบนินทา พูดว่าเค้าไม่ชอบการนินทาคนอื่นได้แล้ว เค้าจะถูกสกัดกั้นพฤติกรมนั้นโดยไม่รู้ตัว

 ตัวอย่างเช่น สมชายอยากให้พ่อของตนเองเลิกวิพากษ์วิจารณ์และนินทาคนอื่นเสียที

สมชายจึงใช้วิธีการถามกับพ่อของตนเองว่า "พ่อคิดเหมือนผมไหมว่า คนอื่นๆจะชอบสมเกียรติมากขึ้น ถ้าหากเค้าไม่เที่ยวซุบซิบนินทาเรื่องชาวบ้าน"

เมื่อพ่อสมชายแสดงความเห็นออกมาเป็นคำพูดแล้ว เค้าย่อมรู้สึกลำบากใจหากไม่ทำในสิ่งที่พูด

  เทคนิคที่ 3 คือ ปล่อยเชื้อไวรัส

แพร่กระจายข่าวลืออันไร้สาระอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกขี้นินทาสับสนว่าเรื่องไหนเรื่องจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องเท็จ ในที่สุดเขาก็จะเบื่อหน่ืายกับการนินทาไปเสียเอง โดยให้เลือกข่าวที่ไร้สาระที่สุด และต้องไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคลหนึ่ง

 ตัวอย่างเช่น สมทรงอยากให้เพื่อนร่วมงานของเธอที่ชื่อ "พิศมัย" เลิกนินทาคนอื่นและเลิกปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆ

 สมทรงอาจปล่อยไวรัส ใส่พิศมัยโดยเลือกคำพูด เช่น "พิศมัย เธอรู้หรือเปล่าว่าบริษัทของเรากำลังจะเจ๊ง ฉันว่าเราคงต้องหางานกันใหม่" หรือ "พิศมัย ฉันได้ยินมาว่า บริษัทของเราจะถูกขายให้กับบริษัทจากญี่ปุ่น คนที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้อาจจะต้องถูกเลิกจ้าง"

และเมื่อพิศมัยแพร่เรื่องนี้ออกไป คำที่เขากล่าวก็จะทำลายชื่อเสียงของตัวเขาเอง และเขาก็จะรู้ว่าการซุบซิบนินทาเป็นเรื่องไร้สาระในที่สุด

3 เทคนิคเหล่านั้น เป็นวิธีการของนักจิตวิทยาระดับโลกแนะนำ ซึ่งผู้เขียนได้เอามาเรียบเรียงให้สั้นกระชับ ง่ายต่อการอ่าน และนำไปใช้ได้ทันที...หากใครลองนำไปใช้แล้วได้ผลอย่าลืมคอมเม้นมาคุยกันบ้างนะคะ

---------------------------------------------------

"การตำหนิติเตียนความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ มากเกินไป

ก็เหมือนกับการใช้ขวานจามแมลงวันตัวเล็กๆ

ที่เกาะอยู่บนหน้าผากของเพื่อนๆ"

อี้หมิง

 "คำวิพากษ์วิจารณ์อาจทำร้ายอารมณ์และความรู้สึกของเรา แต่หากเรามีความอดทนที่จะรับฟังอย่างตรงไปตรงมา นั่นแสดงว่าเรามีความกล้าหาญที่จะเผชิญสิ่งที่ไม่ดีในตัวเรา ซึ่งจะนำเราไปสู่การพัฒนาตนเองได้ในที่สุด"


No comments: