นายกในดวงใจ
- Home
- About Me
- Lost In My Own Thoughts
- I'm a stroke Survivor
- ฉันผู้รอดชีวิตมาจากโรคสโตรค
- English Articles
- บทความภาษาไทย
- 🌺🌺My Blockdit
- สบาย ๆ
- ขำ ๆ แก้เครียด
- กฏของมัวร์
- หนุ่มคนนี้คือคนที่สมบูรณ์
- ธนภพ ลีรัตนขจร(ต่อ)
- 🌹🌹I love you My God
- สร้างสื่อ
- 🌺🍀🌺Quick Access
- กำลังใจอยู่ที่นี่
- 🌹🌹สู้ดิวะ
- หนังสือพิมพ์-ข่าว
- เจ๋งจริงนี่หว่า!!
- 🍀🍁Work At Home
- 🍀🌺Calming music
- 🌹🌹การตื่นขึ้น /The Awakening
- 🌹🌹คัมภีร์ชีวิต
- 🌹🌹บรรณาธิการ
- 🍊🍊Dunning & Kruger Effect ไม่รู้ว่าไม่รู้
- 🍊🍊Beat It!!
2021-07-29
คุณเป็นนักเขียนหรือนักเล่าเรื่อง!!!
ใจจริงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากสนับสนุนให้ทุกคนเป็นนักเขียน นักเขียนในที่นี้ไม่ได้แปลว่า คุณจะต้องเขียนหนังสือ เพื่อวางขายตามท้องตลาด แต่มันหมายความว่า ทุกคนควรเป็นนักบันทึกเรื่องราว เป็นนักสังเกตเรื่องราวของโลก แล้วเก็บรวบรวมเอาไว้ การเขียนนั้นมีข้อดีตรงที่ สามารถช่วยให้เราตกตะกอนความคิดง่ายขึ้น ทำให้เรารู้จักการจัดเก็บข้อมูลให้หัวสมองของเรา ความจำของเราก็จะมีระบบระเบียบ อีกทั้งฉันพบว่า การเขียนช่วยให้เรารู้จักความหมายของคำว่าชีวิต เป็นการค้นเข้าไปในจิตวิญญาณของตนเอง ทุกครั้งที่เขียน เราจะได้สื่อสารกับจิตวิญญาณของตนเองแบบไม่ต้องเดินทาง
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบเขียนหนังสือ แม้มันไม่ใช่อาชีพ ก็คงเลือกที่จะเขียนอยู่ ฉันเป็นคนที่เขียนบันทึกมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เขียนทุกวัน แต่เขียนเฉพาะวันที่อยากจะเขียน แล้วก็ไม่ได้มีกฏเกณฑ์ตายด้วยว่าต้องเขียนเรื่อง อะไร มีหลายครั้งที่ฉันเขียนในสิ่งไร้สาระ สูตรอาหารที่ชอบ รายละเอียดของต้นไม้ วิธีเลี้ยงมด แม้แต่ห่อกระดาษลูกอมที่ชอบก็ยังนำมาแปะไว้ในสมุดบันทึก แล้วฉันก็บรรยายถึงรสชาติของลูกอมเอาไว้ใต้กระดาษห่อ มันเป็นความสุขเล็กๆ อย่างหนึ่งของฉัน ที่ไม่ต้องใช้เงินเลยซักบาท
ถ้าคุณเป็นคนที่อยากรู้จักตัวเองในชั้นลึก ฉันคิดว่า การเขียนเป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถตอบโจทย์ที่ ว่าได้ดี คนที่เขียนหนังสือบ่อยๆ มักเป็นคนที่รู้จักตัวเองในหลากหลายมิติ ลึกๆ แล้วเราทุกคนมีหลายมุมหลายมิติ แต่เราต้องขุดมันลงไป ขุดไปชั้นหนึ่งเราจะเป็นอีกแบบ ขุดไปอีกชั้น เราก็จะเป็นอีกแบบ แต่ละชั้นของความรู้สึก ล้วนเต็มไปด้วยความหลากหลายทางอารมณ์ ในคนๆ เดียวนั้นเป็นทั้งผู้กล้า ผู้ขี้ขลาด เป็นนักบุญ เป็นคนบาป เป็นคนดี เป็นคนชั่ว ทุกอย่างนี้รวมอยู่ในเราหมด เช่นนี้เราจึงสามารถเรียนรู้ผู้อื่นได้จากการ เรียนรู้ตนเอง ถ้าอยากรู้ว่าผู้อื่นเป็นอย่างไร คิดอย่างไร เราไม่ต้องไปถามเขา แต่จงมองให้เห็นตนเอง แล้วเราก็จะเข้าใจผู้อื่นได้ไม่ยาก ในเรามีเขา ในเขามีเรา อยากรู้ใจเขา เราต้องรู้ใจตัวเองก่อน
ฉันรู้สึกว่าทุกวันนี้ คนเราดูจะผิวเผินกันมากขึ้น หมายความว่า ความรู้สึกของคนสมัยนี้ขาดความลุ่มลึกเท่าที่ ควร อาจจะเป็นเพราะเรารีบเกินไป จนละเลยที่จะสนใจในสิ่งรอบข้าง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครมานั่งถามตัวเองว่า "เราเกิดมาทำไม" "คุณค่าและความหมายของชีวิตคืออะไร" คำถามเหล่านี้เคยเป็นคำถามที่ยอดฮิตของคนหนุ่ม สาวยุคหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้มันหายไป ฉันคิดว่ามันคงหล่นระหว่างทาง เราอาจต้องรีบไปทำงาน ต้องรีบไปต่อคิวซื้อข้าวกลางวัน ไหนจะค่าโทรศัพท์ที่ต้องจ่ายตอนสิ้นเดือน ค่าบ้าน ค่ารถ ไหนจะอีเมล เฟสบุ๊คที่ต้องเช็คอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้ดูกลืนเวลาไปจากเราจนหมดสิ้น ความละเมียดละไมในชีวิตค่อยๆ หายไป การเขียนบันทึกประจำวันดูจะเป็นเรื่องไกลตัวออกไปทุกที
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเราจะมีสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ติดมือไว้ซักเล่ม ฉันเชื่อว่า สมุดเล่มนี้ จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มองเห็นสิ่งที่คนอื่นม องไม่เห็น เราจะกลายเป็นผู้ละเอียดอ่อนต่อโลก ที่เห็นสีสันความงามได้มากกว่าคนอื่น ฉันชอบอารมมณ์ของปากกาที่กระทำต่อกระดาษ เวลาที่เราจรดปลายปากกาลงไปที่กระดาษ แล้วเริ่มลากเส้น มันเป็นเวลาแห่งการสื่อสารกับตัวเอง อะไรที่ไม่เคยฟัง ก็จะได้ฟัง อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้เห็น จากจิตถึงสมอง จากสมองถึงสองมือ แล้วกลั่นออกมาเป็นตัวอักษรนับอนันต์...
ถ้าอยากเขียนเก่งก็ลองหาอ่านคำแนะนำที่มีให้อ่านมากมายหลากหลายได้ทางอินเทอร์เน็ต แต่มีบางคน บอก "ฉันเป็นคนไม่ชอบอ่าน" อ้าว งั้นก็ไม่มีทางเขียนอะไรได้น่าอ่าน"
เราเคยเจอแต่ "นักอ่านเยอะแยะที่ไม่ใช่นักเขียน แต่ไม่เคยเจอนักเขียนที่ไม่ใช่นักอ่านแม้แต่คนเดียว!!"
แนะนำให้อ่านที่นี่ดู
https://www.helpingwritersbecomeauthors.com/a-writer-or-a-storyteller/
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment