2013-10-29

Turn My Exile to Learning Period



Turn My Exile to Learning Period (1) 

หัวข้อนี้ผมอยากจะบอกว่าการที่ผมต้องมาลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ นั้นผมก็ไม่ยอมให้เสียเวลาโดยสูญเปล่า นั่งเศร้าสร้อยเครียดอยู่คงไม่เกิดประโยชน์อะไร เหมือนที่ตอนผมบวชพระสวดมนต์ตอนเย็น ก็จะมีตอนหนึ่งบอกว่า วันคืนล่วงไป ล่วงไปบัดนี้เราทำอะไรอยู่ ผมก็เลยต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยการใช้เวลาเรียนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างใกล้ชิด เข้าถึงให้มากที่สุด ผมได้เห็นโลกในทุกมิติ ทั้งโลกมืด โลกมัวๆ และโลกสว่างไสว แล้วก็หันมามองเมืองไทยเพื่อจะทำทุกอย่างให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย เพราะถึงแม้ว่าผมจะไปอยู่มุมไหนของโลก ก็คิดตลอดเวลาว่าผมเป็นคนไทยที่รักประเทศไทย 


แน่นอนครับ ผมอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้กับครอบครัว ไม่ได้มีโอกาสให้ความอบอุ่นครอบครัวอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ฝึกฝนลูกๆอย่างใกล้ชิด ผมก็ต้องปรับตัว เป็นการให้ความอบอุ่น ให้ความรู้ ประสบการณ์จากที่ห่างไกล แต่ครอบครัวผมก็เข้มแข็งกันทุกคน ก็อยากจะบอกกับ ผู้ที่รักและปรารถนาดีกับผมและครอบครัวว่า เราอดทน และจะใช้โอกาสนี้สร้างเครือข่ายเพื่อนๆ ทั้งระดับเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ตลอดจนด้านวิชาการ ให้ได้มากที่สุด และก็จะทยอยแลกเปลี่ยนกับคนไทยผ่าน Facebook ของผมไปเรื่อยๆเท่าที่จะมีเวลาครับ

วันที่ 15 ตุลาคมนี้ ผมก็จะไปพูดเรื่อง One Asia ซึ่งตอนนี้ก็มีการพูดถึง One Asia มากขึ้นเพราะ Asia เป็น Economic Growth Area ของโลกอยู่ในขณะนี้ เพราะ Asia เป็นทวีปเดียวที่ไม่มี Continent Wide Forum เพราะเรามีความขัดแย้งอยู่เป็นที่ๆ เช่น เกาหลีเหนือ/เกาหลีใต้ อินเดีย/ปากีสถาน ปาเลสไตน์/อิสราเอล นอกจากนั้นยังมีปัญหาในอีกหลายประเทศ อีกทั้งเรายังเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุด มีคนยากจนมากที่สุด มีคนรวยรวมแล้วก็มากที่สุด ความพยายามที่จะทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวของทวีปเอเชียเป็นเรื่องที่ทำมานานมาก ซึ่งผมก็เคยได้ริเริ่ม ACD (Asia Cooperation Dialoque) ตอนที่ผมยังเป็นนายกฯแล้ว แต่ก็ยังมีสมาชิกไม่ครบทั้งทวีป แต่ก็เป็นประเทศสำคัญๆทั้งนั้น

วันนี้อยากเล่าเรื่องจีนให้ฟังครับ ว่าวันนี้จีนได้พัฒนาไปมากและเร็วกว่าที่ทุกคนจะคิด ที่เป็นเช่นนี้เพราะจีนเป็นประเทศที่มียุทธศาสตร์ ในการก้าวเดินตลอดเวลา มีการใช้ระบบที่เรียกว่า Division of Labor มาประยุกต์เข้ากับกาลสมัย เขามีโครงสร้างของพรรค คู่ขนานกับโครงสร้างชองการบริหาร โดยให้โครงสร้างของพรรคทำหน้าที่กำหนดและควบคุมนโยบายและยุทธศาสตร์ 

ส่วนโครงสร้างของฝ่ายบริหารมีหน้าที่ปฏิบัติและใกล้ชิดกับการบริการประชาชน โดยทั้งสองฝ่ายทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดมีวินัย โดยแบ่งเป็นชั้นๆ ตั้งแต่ชั้นหมู่บ้าน ขึ้นไปถึงชั้นอำเภอ จังหวัด และมณฑล แม้กระทั่งกระทรวงก็ยังมีเลขาพรรคประจำทุกกระทรวง ที่พูดมานี้อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับบ้านเรา แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า การทำงานให้สำเร็จต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ มีการกำกับนโยบายให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ และมีการติดตาม ประเมินผลงานตลอดเวลา 

นอกจากนั้นจะต้องมีการมองภาพใหญ่ ลงมาจนถึงภาพเล็กๆ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือการสั่งการครั้งหนึ่งจากจุดสูงสุดจะลงไปถึงทุกจุดอย่างรวดเร็ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมประทับใจประเทศใหญ่ๆอย่างจีนและอเมริกาก็คือเวลาผมไปพบระดับบริหารท่านหนึ่ง พูดอะไรไว้ ก็จะมีการส่งบทสนทนาไปยังผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับ เช่นผมพูดกับรัฐมนตรีว่าอย่างไร พอไปพบระดับนายกฯเขาจะทราบเรื่องและต่อเรื่องได้ทันที ทำให้การเจรจาความระหว่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครับ 

มาจีนคราวนี้ได้รับเชิญให้ไปพบระดับสูงมาหลายครั้ง เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ ไทย-จีน และอาเซียน-จีนครับ




Turn My Exile to Learning Period (2)

วันนี้ขอเล่าเรื่องที่ผมโง่มานานและก็ได้บทเรียนมาเล่าให้ท่านฟังครับ เมื่อวันก่อนมีคนหนุ่มมีความรอบรู้ดีมาพบผม มาคุยเรื่องไฟฟ้าพลังลม ผมก็พูดออกไปด้วยความมั่นใจบนพื้นฐานของความรู้สึกว่า บ้านเราลมไม่แรงทำไฟฟ้าพลังลมคงลำบาก เขาก็บอกว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ลมไม่ต้องแรงมากก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ผมก็เลยบอกว่ายังงั้นคงต้องไปทำแถวริมทะเลเพราะลมจะแรงหน่อย ผมเชื่อว่าคนทั่วไปก็จะคิดแบบผม รู้ไหมเขาบอกผมว่าอย่างไร 

เขาบอกว่าที่ไปทำกันริมทะเลเจ๊งกันเป็นแถวเพราะเป็นลมผิวล่างไม่ใช่ลมบน ลมมันอ่อนมากไม่พอผลิตกระแสไฟฟ้า ผมไปเอาแผนที่ลมของ NASA (องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา) มาศึกษาดู ปรากฎว่าเมืองไทยมีลมระดับสูงที่พอผลิตกระแสไฟฟ้าได้แถวๆโคราช ประกอบกับที่ดินที่จะเข้าไปปักเสาก็ไม่ใช่ป่าสงวน ทางเหนือก็พอมีลม แต่เป็นภูเขาผ่านป่าสงวน ปัญหาเยอะ 

ท่านครับ ผมถึงบางอ้อทันที มันบอกให้ผมรู้ว่าทุกอย่างอย่าใช้ความรู้สึก ต้องใช้วิทยาศาสตร์และคำตอบทางวิทยาศาสตร์มีอยู่เต็มไปหมด หาได้ง่ายมากในโลกยุคใหม่

พอเขาพูดถึงแผนที่ NASA ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของแร่ธาตุและทรัพยากรทั้งหลาย NASA ก็มีแผนที่ที่เขาถ่ายจากอวกาศมาทั้งโลก เขารู้หมดว่ามีอะไรอยู่ที่ไหนมากน้อยแค่ไหน อเมริกา รัสเซียจะเป็น 2 ประเทศที่รู้เรื่องนี้มาก ถึงได้มีการเดินหมากรุกการเมืองโลกเพื่อครอบครองทรัพยากร ท่านรู้ไหมครับว่าที่อัฟกานิสถานที่รัสเซียเคยเข้าไปและตอนนี้สหรัฐเข้าไปเป็นประเทศที่มีทองคำ ทองแดง ก๊าซธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากครับ อิรักมีน้ำมันมาก อิหร่านมีน้ำมันมาก ประเทศ DR Congo (Democratic Republic of the Congo) ที่แอฟริกามีแร่ธาตุในดินที่มีมูลค่ามากกว่า GDP ประเทศอเมริกาและยุโรปรวมกัน สรุปให้เห็นว่าการเมืองระหว่างประเทศถูกผูกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเดินหมากรุกทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจ เราจึงต้องรู้ลึกรู้เหตุผลของการเดินเกมของแต่ละฝ่าย เราจึงจะไม่ตกไปอยู่ตรงกลางของการปะทะกันครับ

ที่ผมพูดมานี้อยากจะบอกว่า ถ้าเราไม่รู้จริงต้องตอบว่าไม่รู้และไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ไม่รู้ว่าเราจะมีตำแหน่งฐานะหรือภูมิหลังเป็นอะไรมา ไม่เช่นนั่นเราจะโง่ไปนาน คนเราทุกคนต้องเคยโง่มาก่อนและต้องอย่าให้โง่นาน และต้องเรียนรู้และยอมหลุดจากความโง่ความไม่รู้จริง โลกนี้เป็นโลกของ Lifelong Learning คือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งอาจเกิดจากการอ่านหนังสือ การฟังสารคดีต่างๆ การไปพูดคุยกับคนมากๆ การไปดูนิทรรศการต่างๆ เรียนผิดเรียนถูกกับชีวิต หรือเรียนจากการเข้าอบรมสัมมนา จะเป็นการเรียนเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้ทั้งนั้น 

โลกมีความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกนาที เราหยุดที่จะเปิดเครื่องรับทางปัญญาเมื่อไหร่เราก็ตามโลกไม่ทันเมื่อนั้น เมื่อเด็กจบปริญญา เรามักจะใช้คำว่าจบการศึกษา ห้ามไปแปลว่าเลิกศึกษานะครับ ยังต้องศึกษานอกห้องเรียนต่อไป คือห้องเรียนชีวิตนั่นเอง ฝรั่งเขาใช้คำว่า commencement day แปลว่า วันเริ่มต้น

ผมอยากจะฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่าต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้พูด ได้แสดงความคิดเห็น ได้แสดงความรู้ของเขา เพราะปริมาณข้อมูลและความรู้ที่เข้าในหัวเด็กปัจจุบันยุคดิจิตอลมีมากกว่าสมัยเราเยอะ อย่าไป take authority พูดเพื่อปิดความคิดของเด็กๆ และมั่นใจว่าตัวเองเก่งสุด รู้สุด ใช่ครับหลายคนเก่งและรู้ แต่ไม่มีใครเก่งทุกเรื่องและรู้ทุกเรื่อง แบ่งกันเก่งแบ่งกันรู้ดีที่สุดครับ ประเทศไทยตอนนี้เราต้องการความสามัคคี ความรักชาติ แต่เราไม่อยากได้อีกด้านหนึ่งคือความอิจฉา ความหลงตัว และความคลั่งชาติครับ ต้องเดินสายกลางตามพระพุทธเจ้า มัชฌิมาปฏิปทาครับ



Turn My Exile to Learning Period (3)

หายไปหลายวันครับ 

เพราะหลังจากกลับจากเกาหลีก็ไปแวะสิงคโปร์ ขณะที่อยู่สิงคโปร์ก็มีเพื่อนที่เป็นเจ้าของท่าเรือที่ใหญ่มากของมาเลเซียเป็นคู่แข่งโดยตรงกับท่าเรือสิงคโปร์ มาเชิญผมไปเยี่ยมดูกิจการของเขาเพื่อขอคำแนะนำในการขยายกิจการ เขาได้รับสัมปทานที่ดินผืนใหญ่ติดทะเลจากรัฐบาลดร.มหาเธร์เมื่อปี 1994 และมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจปี 1997 พร้อมเรา (2540) ต่อมาโชคดี ได้บริษัท MAERSK ที่เป็นบริษัทเดินเรือใหญ่อันดับหนึ่งของโลกเข้ามาถือหุ้น เขาจึงแย่งลูกค้าจากสิงคโปร์ได้มาก 

ปัจจุบันมีปริมาณสินค้าขึ้นลงอยู่ที่ 8 ล้าน TEU (หน่วยนับสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต) มากกว่าท่าเรือไทย 2 เท่า แต่ก็ยังน้อยกว่าสิงคโปร์ ปรากฎว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าผ่านไม่ได้ เป็นสินค้าที่ลง ณ ประเทศมาเลเซียอย่างเดียว ที่สิงคโปร์ก็เช่นกัน ผมหันไปมองฝั่งสิงคโปร์เรือเข้าคิวยาวเป็นวันๆ แต่ฝั่งมาเลเซียไม่มีคิวเลย เพราะเป็นท่าเรือที่ใหญ่มาก ปัจจุบันมีอยู่ 12 berths และกำลังจะขยายเป็น 15 berths

ที่เล่าให้ฟังก็เพราะว่า อยากจะบอกว่าเขากล้ามากที่กล้าชนกับสิงคโปร์ที่ผูกขาดการขนส่งทางทะเลมานาน แต่ที่กล้าเพราะรัฐบาลมาเลเซียแบ็คเขาเต็มที่ และสถานที่ทำท่าเรือตอนนี้ก็ตรงกับตำราที่ว่า ทำเล ทำเล ทำเล (Location Location and Location นั่นเองครับ) นอกจากการเป็นท่าเรือแล้ว เขายังเป็น Free Zone ที่มีการมาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์บ้าง สินค้าหนักบ้าง แล้วส่งไปขายยังประเทศอื่น รวมทั้งเขาอยากให้ทำปิโตรเคมี ที่เก็บน้ำมันและโรงกลั่นแข่งกับสิงคโปร์เต็มที่ ความกล้าของเขาทำให้ลีกวนยูเคยนำเรื่องเขาไปพูดในสภาว่า ท่าเรือสิงคโปร์ต้องไม่แพ้ไอ้เด็กลูกชาวนาภาคเหนือของมาเลเซียคนนี้ 

ผมไปเสร็จ ผมถึงบางอ้อเลยว่าทำไมความพยายามสร้างคอคอดกระหรือแม้กระทั่งไม่ขุดเป็นคลองแต่ทำเป็นเหมือนสะพานบกเชื่อม 2 ฝัง (Land Bridge) ตะวันตก(อันดามัน) มาตะวันออก(อ่าวไทย) จึงไม่เกิดซักที เพราะถ้าเกิด
ท่าเรือทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียแห้งตายทั้งคู่ เพราะสินค้าที่เป็นสินค้าผ่าน (Transhipment) จะไม่ไปทางใต้แน่ รวมทั้งน้ำมันเพราะประหยัดการเดินทางอย่างน้อย 8 วัน มันบอกอะไรให้รู้อย่างหนึ่งว่าประเทศไทยของเราอยู่มาอย่างไม่ค่อยจะมียุทธศาสตร์ เราแก้ปัญหาวันต่อวัน เราไม่ค่อยคิดอะไรเป็น Long Term เพราะการเมืองเราไม่พัฒนา มีการทะเลาะเบาะแว้ง รัฐบาลจะอยู่สั้น ก็เลยไม่มีข้าราชการ องค์กรรัฐ เอกชนก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรที่เป็น Long Term อย่างมียุทธศาสตร์ สงสัยคงต้องมีหลักสูตรหมากรุกสากลในโรงเรียนเสียแล้ว เพราะจะสอนให้เด็กได้คิดวิธีเดินแบบมียุทธศาสตร์ มีสมาธิ และรู้เขา รู้เรา

วันนี้เรารู้เรายังน้อย แต่รู้โลกรู้ภูมิภาคยิ่งน้อยไปอีก เราอยู่ในโลกของการแข่งขัน ถึงแม้เราจะบอกว่าเราไม่แข่งกับใคร เขาก็บอกว่าโลกมันเชื่อมโยงกันหมดแล้ว คน สินค้า เงินทอง ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ มันไม่หยุดนิ่ง มันเดินทางไปได้ทั่วโลก คุณไม่แข่งผมก็จะแข่งกับคุณ นี่คือความจริงของโลกปัจจุบันครับ

ผมขอให้ระดับประเทศ ระดับองค์กรในประเทศน้อยใหญ่ ทั้งรัฐและเอกชนต้องอยู่อย่างมียุทธศาสตร์ จึงจะเอาตัวรอดในโลกใหม่ครับ ขอให้โชคดีเป็นของคนไทยและประเทศไทยครับ

เครดิตรูป : alternatehistory.com

No comments: