2013-06-22

เปิดพินัยกรรมต่อสู้ "ทักษิณ" จาก "เสื้อเหลือง" ถึงแนวรบ "หน้ากากขาว"

เมื่อประวัติศาสตร์อังกฤษที่ถูกแปลงเป็นภาพยนตร์เมื่อ 8 ปีก่อน กลายเป็นโรคระบาด ณ ประเทศไทยในพุทธศักราช 2556 เมื่อแรงต่อต้านรัฐบาลจากกระแสในโลกออนไลน์ วิวัฒนาการสู่การเคลื่อนไหวจริงริมถนนทั่วประเทศ เมื่อ "V for Vendetta" หรือ "หน้ากากขาว" กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของกลุ่มมวลชน "ผู้เห็นต่าง" จากการบริหารงานของรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี







"ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย"

เป็น วรรคทองที่กลุ่มมวลชนใช้บุกโจมตีเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ถูกเชื่อว่าเป็น พรรค-พวกของ "ทักษิณ ชินวัตร" ทั้งเฟซบุ๊ก "แฟนเพจพรรคเพื่อไทย" และ "แฟนเพจโอ๊ค" ของนายพานทองแท้

ชินวัตร และอีกหลายองค์กรที่ถูกเกี่ยวโยงถึง ภายในเวลาก่อตัว 30 วัน จากกลุ่มคนหลักสิบสู่มวลชนหลักหมื่น จากแรงต้านในโลกออนไลน์สู่ถนนการเมืองแห่งความเป็นจริง "หน้ากากขาว" ขยายตัวอย่างรวดเร็ว กระทั่งพบการปรากฏตัวอยู่ทั่วประเทศไทย ไม่เว้นแม้กระทั่งจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองหลวงเสื้อแดง"

การเคลื่อนพลนับหมื่นเมื่อวันที่ 14-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา แผนการประกาศอุดมการณ์ "ต่อต้านระบอบทักษิณ" ใน 25 จังหวัด


ทั่วประเทศ อาจเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องระลึกว่า "หน้ากากขาว" ไม่ใช่กลุ่มคน "ขาจร" ดังที่คอการเมืองหลายคนคาดการณ์ก่อนหน้านี้

แม้ การเคลื่อนไหวของ "หน้ากากขาว" จะคล้ายคลึงกับกลุ่มอื่น ๆ ที่มีอุดมการณ์ในทิศทางเดียวกัน แต่คำประกาศจุดยืน "ไร้แกนนำ" กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากมวลชนทุกสีเสื้อบนถนนการเมืองไทย

คำถามคือ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" และ "ระบอบทักษิณ" จะล่มสลายตามที่ถูกหมายมั่นเอาไว้หรือไม่

หากย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยในรอบ 10 ปี การรวมตัวของมวลชนสู่แผนการล้ม-ล้างรัฐบาลมีเพียง "กลุ่มเสื้อเหลือง"

ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สามารถปลด 3 นายกรัฐมนตรีจากเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณได้สำเร็จ
ใน ฐานะแกนนำเสื้อเหลือง และนักต่อสู้ริมถนนอย่าง "พิภพ ธงไชย" ประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนใหม่อย่างหน้ากากขาวว่า ต่อให้ชุมนุมจนล้มรัฐบาลได้สำเร็จ แต่สภาพการเมืองปัจจุบัน เป้าหมายที่หวังล้ม "ระบอบทักษิณ" จะไม่มีวันเป็นจริง

"พวกเขาจะทำ ได้เพียงการเขย่ารัฐบาล กระทั่งเกิดเป็นกระแสการต่อต้านที่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ในทัศนคติของผมรัฐบาลจะไม่ล้มไปไหน และถึงจะล้มได้ เราก็ยังเอาชนะระบอบทักษิณไม่ได้ มันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี"

"ต่อ ให้กดดันกระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์หลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่เวลานี้ระบอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถส่งใครขึ้นมานั่งบริหารประเทศก็ได้ เพราะเมื่อถึงฤดูกาลเลือกตั้งคนพวกนี้ก็ยังคงชนะ"

"พิภพ" ชำแหละสาเหตุที่ "ระบอบทักษิณ" จะยังคงอยู่และไม่ล่มสลาย เพราะหัวใจสำคัญของการปฏิวัติการเมืองทุกครั้ง ต้องมี "คนรับช่วงต่อ" ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังปรากฏกลุ่มคนเหล่านั้น

"หลังการปฏิวัติการปกครอง 2475 เรามีคณะราษฎรเข้ามารับช่วงบริหารประเทศต่อ หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 กลุ่มนักศึกษาลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล เรามีนายกรัฐมนตรีพระราชทานมารับช่วงต่อ แต่ในยุคนี้ระบบการเลือกตั้งยังเป็นเช่นนี้

ต่อให้ล้มรัฐบาลสำเร็จ เราก็จะไม่มีคนที่เข้ามารับช่วงต่อ"

เป็น คำบอกเล่าที่ "คนเสื้อเหลือง" ยอมรับจากประสบการณ์ 10 ปีที่ล้มรัฐบาลได้สำเร็จ ก่อนส่งไม้ให้ "คนรับช่วงต่อ" ใน 2 กรณีที่ล้มเหลว
กรณีที่หนึ่ง เกิดขึ้นหลังการคืนอำนาจให้กองทัพ หลังการปฏิวัติเมื่อ 19 ก.ย. 2549

"เรา เห็นแล้วว่าส่งต่อให้ทหารเข้ามาปฏิรูปประเทศ ผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ซึ่งระบอบประชาธิปไตยไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นเลย และประชาชนส่วนใหญ่ก็เข็ดกับทางเลือกนี้"






กรณีที่สอง เกิดขึ้นหลังจากการยินยอมให้ 
"พรรคทางเลือก" อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ามาบริหารประเทศหลังพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค

"ในยุคนั้นเกิดขึ้นพรรคผสมเป็นรัฐบาล สุดท้ายก็บริหารจัดการประเทศไม่ได้ และเวลา นี้ก็ยังไม่มีพรรคการเมืองที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสร้างทางเลือกใหม่ให้ กับประชาชน แน่นอนว่าถ้ายุบสภาและเลือกตั้งวันนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะชนะเช่นเคย"

อย่างไรก็ตาม "พิภพ" แนะช่องทางชัยชนะ หากกลุ่มหน้ากากขาวต้องการ

สานต่ออุดมการณ์ไปสู่ความสำเร็จ

"ผม ไม่รู้ว่าพวกเขาจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ แต่ในแง่ของผมและกลุ่มพันธมิตร เรารู้ว่า 2-3 ปีนี้ระบอบทักษิณจะยังแข็งแรง ดังนั้น เรื่องการเมืองที่เป็นงานร้อนก็ยังต้องรักษาระดับไป

แต่ต้องทำคู่กับงานเย็นที่มุ่งสร้างความ

เข้มแข็งทางความคิดให้กับประชาชน"

"แกน นำเสื้อเหลืองหลายคนตอนนี้ลงพื้นที่และดำเนินการปฏิรูประบบรากหญ้า มันเป็นงานเหมือนเอ็นจีโอ แต่เราต้องการให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยที่แท้จริงแก่ประชาชน และเมื่อระบบประชาชนเข้มแข็ง สุดท้ายระบอบทักษิณก็จะอ่อนแรงไปเอง"

ทั้ง หมดเป็นคำบอกเล่าผ่านประสบการณ์ต่อสู้ของ "คนเสื้อเหลือง" กับ "ระบอบทักษิณ"เป็นตัวอย่าง-พินัยกรรมที่ "คนเสื้อเหลือง" ส่งต่อถึง "หน้ากากขาว"

และเป็นเสียงของกลุ่มมวลชนที่มีจุดร่วมเดียวกัน ที่อาจรอวันสานต่ออุดมการณ์ร่วมกันในไม่ช้า

No comments: