จาก “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2555ในการปรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สามของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เพิ่งผ่านไป ผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะได้ตำแหน่งนั้น นอกจากกลุ่มก๊วนการเมืองภายในพรรคที่ดิ้นรนแสวงหาตำแหน่งกันอย่างหนักแล้ว ยังมีแกนนำหลายคนในแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีอีกสถานะหนึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แต่แล้ว ผลที่ได้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ยังคงเป็นแกนนำนปช.คนเดียวที่มีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในรัฐบาล เพียงแต่สับเปลี่ยนกระทรวงเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่มีความคาดหวังอย่างสูงภายในหมู่แกนนำนปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนว่า แกนนำนปช.จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มอย่างแน่นอนในคราวนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แกนนำ นปช.บางคนแสดงความผิดหวังอย่างเปิดเผย รวมถึงคนเสื้อแดงบางส่วนที่ยึดมั่นอยู่กับแกนนำ นปช. ก็แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ความไม่พอใจหลายประการของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีต่อพรรคเพื่อไทยนั้น มีเหตุผลสมควรอย่างยิ่ง เช่น การที่พรรคเพื่อไทยยอมยุติกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งที่ได้ดำเนินมาถึงการพิจารณาวาระสามโดยรัฐสภาแล้ว การแสวงหาความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการสังหารหมู่ประชาชนเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 การที่ประชาชนจำนวนหนึ่งยังคงถูกคุมขังเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา คดีพรก.ฉุกเฉิน อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว และผู้ต้องหาคดีอาญา ม.112 รวมทั้ง การผลักดันพรบ.ปรองดองแห่งชาติที่มีเนื้อหา “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” ให้กับทุกฝ่ายโดยไม่แยกแยะความถูกผิด เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ในประเด็นเหล่านี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้ตั้งความหวังไว้อย่างสูงกับพรรคเพื่อไทยเมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามา
แต่ความไม่พอใจของแกนนำนปช.และคนเสื้อแดงบางกลุ่มต่อการที่แกนนำไม่ได้ตำแหน่งในรัฐบาลนั้น เป็นความเข้าใจผิดต่อบทบาทของแกนนำและจุดมุ่งหมายของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
การที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทย “ไม่เห็นหัวคนเสื้อแดง” หรือแกนนำนปช.บางคนตัดพ้อว่า ตนเดินนำหน้าผ่านสมรภูมิอันโชกเลือดมา แต่กลับต้องมารั้งท้ายคนอื่น ๆ ในยามสงบ เหล่านี้ล้วนเป็นการอ้างหลักเหตุผลที่ผิดฝาผิดตัว เพราะคนที่เดินนำหน้าฝ่าห่ากระสุนและดงระเบิดเข้าไปจนบาดเจ็บล้มตายพิการจริงนั้นคือ มวลชนคนเสื้อแดงหลายพันคน แล้วยังมีผู้คนอีกจำนวนมากทั้งในและนอกพรรคเพื่อไทยที่แม้จะ “ไม่ได้ฝ่ากองเลือดและห่ากระสุน” ในสนามรบโดยตรง แต่ก็ได้ร่วมต่อสู้และสนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเวทีและช่องทางต่าง ๆ อย่างเต็มที่ตามศักยภาพของตน
หากจะเอาบรรทัดฐาน “เสี่ยงอันตราย ฝ่าคมหอกคมดาบ” เป็นเครื่องวัดว่า ใครควรอยู่แถวหน้าสุดที่จะได้ “รางวัลตอบแทน” แล้ว เกรงว่า จะมีจำนวนคนอื่นอีกมากมายที่สมควร “ได้รับรางวัล” ไม่ใช่แค่ แกนนำ นปช.
คนเสื้อแดงทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์เสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นคนอันเสมอภาคแก่ตนเองและลูกหลาน ให้พ้นจากแอกกดขี่ของพวกเผด็จการ ไม่ใช่ต่อสู้เพียงเพื่อให้แกนนำบางคนได้ตำแหน่งต่าง ๆ ในรัฐบาล แกนนำนปช.เป็นตัวแทนของคนเสื้อแดงเมื่อพวกเขาดำรงตนอยู่ในนปช.ที่รวบรวมจัดตั้ง สนับสนุนการเคลื่อนไหวของมวลชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศ แกนนำนปช.หลายคนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและรวมตัวกันเป็นกลุ่มต่อรองภายในพรรคเพื่อเรียกร้องในประเด็นต่าง ๆ มวลชนคนเสื้อแดงเห็นด้วยและสนับสนุนให้แกนนำของตนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ให้ได้ใช้กลไกของพรรคเพื่อไทยและเวทีรัฐสภามาเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองต่อจุดมุ่งหมายของขบวนประชาธิปไตยทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์และสถานะเฉพาะตัวของแกนนำนปช.
หน้าที่ของแกนนำ นปช.ภายในพรรคเพื่อไทยและในรัฐบาลคือ การผลักดัน เรียกร้อง กระทั่งกดดันให้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลตอบสนองต่อความเรียกร้องต้องการของขบวนประชาธิปไตย ซึ่งก็คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญ แสวงหาความจริงกรณีเมษายน-พฤษภาคม 2553 นำผู้กระทำผิดมาลงโทษ ชดเชยเยียวยาต่อประชาชนผู้ถูกกระทำทั้งหมด ช่วยเหลือและอภัยโทษผู้ต้องหาคดีการเมืองทั้งหมดอย่างเท่าเทียม ตลอดจนร่วมกับมวลชนนอกสภารณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการโค่นล้มโดยพวกเผด็จการแฝงเร้น ส่วนการแสวงหาไขว่คว้าตำแหน่ง “รางวัลตอบแทน” เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับมวลชนคนเสื้อแดง และก็ไม่ได้ทำให้ขบวนประชาธิปไตยเข้าใกล้จุดหมายสุดท้ายได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด
การเรียกร้องตำแหน่งในรัฐบาลยังทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีมีไว้เป็น “รางวัลตอบแทน” ทั้งที่ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลเป็นตำแหน่งบริหาร มีความรับผิดชอบในการดำเนินนโยบาย บริหารบุคลากรและงบประมาณของแผ่นดิน ตัวรัฐมนตรีต้องเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมทางบริหาร มีความรู้ประสบการณ์และความสามารถในงานที่ทำ ไม่ใช่ตำแหน่งสำหรับ “นักรบ” ที่แม้จะกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เสียสละ และสร้างคุณูปการให้กับประชาธิปไตยอย่างสูงยิ่ง แต่อาจไม่ใช่นักบริหารที่มีความสามารถ
ความจริงก็คือ “คนบางคนเป็นนักรบที่กล้าหาญ เป็นนักพูดที่แหลมคม แต่อาจเป็นนักบริหารที่ล้มเหลว” ซึ่งผลเสียไม่ได้ตกอยู่เพียงแค่บุคคลคนนั้น แต่เป็นผลเสียไปถึงรัฐบาลและนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรอีกด้วย
แน่นอนว่า แกนนำนปช. แกนนำเสื้อแดงอื่น ๆ และมวลชนที่ต่อสู้ฝ่าดงเลือดและกระสุนมานั้น ต้องได้รับการสดุดี จดจำ จารึกไว้ในประวัติศาสตรตลอดไป และต้องได้รับการชดเชย เยียวยา และตอบแทนในความกล้าหาญและความเสียสละอย่างสูงของพวกเขา แต่การตอบแทนไม่ได้หมายความว่า พวกเขาต้องมีตำแหน่งใด ๆ ในคณะรัฐบาลเพียงเท่านั้น
แกนนำนปช. และแกนนำคนเสื้อแดงทุกกลุ่มนั้นได้ผ่านการพิสูจน์ทดสอบจากการต่อสู้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตมาแล้ว พวกเขาได้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว ประสบเคราะห์กรรมทั้งส่วนตัวและครอบครัว แบกภาระคดีความไว้มากมาย ผ่านการจองจำ สูญเสียอิสรภาพ ความกล้าหาญและการเสียสละของพวกเขาจะเป็นที่จดจำในหมู่มวลชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศตลอดไป อย่าให้ลาภยศศฤงคารปลีกย่อยมาบดบังความยิ่งใหญ่ในภารกิจประวัติศาสตร์ของพวกเขา การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังไม่สิ้นสุด ศึกใหญ่กำลังใกล้จะมาถึงอีกครั้ง นี่จึงไม่ใช่เวลาที่จะแสวงหาตำแหน่งหรือบันเทิงเสพสุข แต่เป็นเวลาของการจัดตั้งสะสมกำลัง เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์สู้รบที่ใกล้เขามาทุกที
No comments:
Post a Comment