อันเนื่องมาจาก คนเจนวาย
คนเจนบี เติบโตขึ้นมาด้วยการรับรู้ความยากลำบากของพ่อแม่ จึงเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทนให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์กรมาก ให้ความสำคัญของครอบครัวรองลงมาจากงาน
คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความจงรักภักดีกับองค์กรสูง
********************
2.เจนเอ็กซ์ (Generation X) คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2508-2522 อายุ 44-58 ปี คนกลุ่มนี้ก็คือลูกหลานของพวกเจนบีนั่นเองซึ่งช่วง พ.ศ.2508-2522 นี้เป็นช่วงของสันติภาพ ความมั่งคั่งขยายไปทั่วโลก และแนวความคิดคุมกำเนิดพร้อมทั้งยาคุมกำเนิดเกิดมีขึ้นมากมาย จำนวนการเกิดของเด็กช่วงนี้จึงลดลงมาก บางทีก็เรียกพวกนี้ว่า Baby Bust Generation (Bust นี่ตรงกันข้ามกับบูม)
บรรดาเด็กที่เกิดในช่วงนี้ เติบโตขึ้นมาได้เห็นการดำเนินชีวิตของพ่อแม่ ซึ่งเด็กพวกนี้ไม่เห็นด้วย ทำให้คนที่เติบโตมาในช่วงนี้มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance)
พูดง่ายๆ คือไม่บ้างาน พยายามที่จะมีเวลากับครอบครัว มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง เรียกกลุ่มนี้อีกอย่างว่าพวกยัปปี้-Yuppie (Young Urban Professionals)
ว่ากันว่าบรรดาคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้นส่วนใหญ่เป็นคนเจนเอ็กซ์
********************
3. เจนวาย (Generation Y) คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2543 อายุ 23-43 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์-อินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอที พวกนี้เป็นลูกของพวกเจนเอ็กซ์ ที่ได้ชื่อว่าเจนวายก็เนื่องจากเห็นพ่อแม่กับ ปู่ ย่า ตา ยายทะเลาะเถียงกันในค่านิยมที่แตกต่างกันและเมื่อทะเลาะกันมากเข้าเรื่องก็ มาลงที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร
พวกเจนวายนี้เริ่มจากการบ่นกันเองอย่างรำคาญที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกันแล้วมาลงที่เด็ก (Why me?)
พวกเจนวายเป็นวัยที่จัดว่าเพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันแบบว่าชอบส่งอีเมล์มากกว่าพูดกันต่อหน้า ทำนองว่าไม่ชอบทะเลาะว่ายังงั้นเถอะ ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก
เกณฑ์การจัดแบ่งกลุ่มคนเป็นกลุ่มช่วงอายุนี้เราใช้เกณฑ์ของอเมริกันนะ หากจะเอามาใช้ในเมืองไทยคงต้องปรับกันบ้างพอสมควรเนื่องจากเมืองไทยบ้านเรานั้น การวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีนั้นช้ากว่าสหรัฐอเมริกามากหากจะยึดหลัก อเมริกันมาใช้ในเมืองไทยเลยอาจมีปัญหา
********************
4.Gen-Z คือ คำนิยามของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน หมายถึงคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 ขึ้นไป เทียบ อายุแล้วก็คือวัยของเด็ก ๆ นั่นเอง เด็ก ๆ กลุ่ม Gen-Z นี้ จะเติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่อยู่แวดล้อม มีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ และเรียนรู้ได้เร็ว เพราะพ่อแม่ใช้สิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กรุ่น Gen-Z แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ สมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็คือ เด็กรุ่นนี้จะ ได้เห็นภาพที่พ่อและแม่ต้องออกไปทำงานทั้งคู่ ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่อาจจะมีพ่อออกไปทำงานคนเดียว ด้วยเหตุผลนี้ เด็ก Gen-Z หลาย ๆ คนจึงได้รับการเลี้ยงดูจากคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ของตัวเอง
และนอกจาก 4 เจเนอเรชั่นที่บอกไปแล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีคำนิยามเพิ่มขึ้นมาอีก 1 กลุ่ม แต่ไม่ได้จัดอยู่ร่วมกับ 7 เจเนอเรชั่นข้างต้น คือ
4.Gen-Z คือ คำนิยามของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน หมายถึงคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 ขึ้นไป เทียบ อายุแล้วก็คือวัยของเด็ก ๆ นั่นเอง เด็ก ๆ กลุ่ม Gen-Z นี้ จะเติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่อยู่แวดล้อม มีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ และเรียนรู้ได้เร็ว เพราะพ่อแม่ใช้สิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กรุ่น Gen-Z แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ สมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็คือ เด็กรุ่นนี้จะ ได้เห็นภาพที่พ่อและแม่ต้องออกไปทำงานทั้งคู่ ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่อาจจะมีพ่อออกไปทำงานคนเดียว ด้วยเหตุผลนี้ เด็ก Gen-Z หลาย ๆ คนจึงได้รับการเลี้ยงดูจากคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ของตัวเอง
และนอกจาก 4 เจเนอเรชั่นที่บอกไปแล้ว ปัจจุบันนี้ยังมีคำนิยามเพิ่มขึ้นมาอีก 1 กลุ่ม แต่ไม่ได้จัดอยู่ร่วมกับ 7 เจเนอเรชั่นข้างต้น คือ
5. กลุ่ม "Gen-C" เป็นคำใหม่ที่ Google และ Nielsen บัญญัติ ใช้สำหรับเรียกกลุ่มคนยุคใหม่ที่ไม่ได้แบ่งตามอายุเหมือน 4 เจเนอเรชั่นข้างบน แต่จัดกลุ่มตามพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ก
ทั้งนี้ คนที่จะถูกจัดเข้ากลุ่ม Gen-C นั้น ก็คือคนกลุ่ม Baby Boommer และ Gen-X ที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง หันมาสนใจเทคโนโลยีมากขึ้น ไปจนถึงขั้นเสพติดการเชื่อมต่อ แต่ไม่รวมคนกลุ่ม Gen-Y เป็นพวก Gen-C ด้วย นั่นเพราะคนกลุ่ม Gen-Y ปกติก็จะมีการเชื่อมต่อโลกไร้สายเป็นประจำอยู่แล้ว ต่างกับคนกลุ่ม Baby Boommer และ Gen-X ที่ในอดีตแทบไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีมากขึ้น พฤติกรรมของคนเหล่านี้จึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก
สำหรับคน Gen-C นั้น จะมีนิสัยที่เห็นเด่นชัดมาก ๆ คือ จะมีการเชื่อมต่อตลอดเวลา มีการอัพเดทข้อมูล สนใจข่าวสารที่ได้รับรู้มาในโลกไซเบอร์ พร้อมจะแชร์ต่อทุกเมื่อ ติดตามดูคลิปในยูทูบมากกว่านั่งดูโทรทัศน์ เหมือนกับสังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตัวเองไปแล้ว และคนกลุ่มนี้ก็ยังกลายมาเป็นผู้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมใหม่ ๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม คนกลุ่ม Gen-C นี้ แม้จะชอบโพสต์ข้อความมากมาย แต่ก็จะโพสต์ด้วยความระมัดระวังกว่าคน Gen-Y ที่อาจจะโพสต์ตามอารมณ์มากกว่า ต่างกับคน Gen-C ที่จะโพสต์เพื่อแบ่งปันความรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ
ทั้งนี้ คนที่จะถูกจัดเข้ากลุ่ม Gen-C นั้น ก็คือคนกลุ่ม Baby Boommer และ Gen-X ที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง หันมาสนใจเทคโนโลยีมากขึ้น ไปจนถึงขั้นเสพติดการเชื่อมต่อ แต่ไม่รวมคนกลุ่ม Gen-Y เป็นพวก Gen-C ด้วย นั่นเพราะคนกลุ่ม Gen-Y ปกติก็จะมีการเชื่อมต่อโลกไร้สายเป็นประจำอยู่แล้ว ต่างกับคนกลุ่ม Baby Boommer และ Gen-X ที่ในอดีตแทบไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีมากขึ้น พฤติกรรมของคนเหล่านี้จึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก
สำหรับคน Gen-C นั้น จะมีนิสัยที่เห็นเด่นชัดมาก ๆ คือ จะมีการเชื่อมต่อตลอดเวลา มีการอัพเดทข้อมูล สนใจข่าวสารที่ได้รับรู้มาในโลกไซเบอร์ พร้อมจะแชร์ต่อทุกเมื่อ ติดตามดูคลิปในยูทูบมากกว่านั่งดูโทรทัศน์ เหมือนกับสังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตัวเองไปแล้ว และคนกลุ่มนี้ก็ยังกลายมาเป็นผู้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมใหม่ ๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม คนกลุ่ม Gen-C นี้ แม้จะชอบโพสต์ข้อความมากมาย แต่ก็จะโพสต์ด้วยความระมัดระวังกว่าคน Gen-Y ที่อาจจะโพสต์ตามอารมณ์มากกว่า ต่างกับคน Gen-C ที่จะโพสต์เพื่อแบ่งปันความรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ
------------------------------------------------------------------------------
Cr: William J. Schroer
We often use phrases or words that we don’t fully understand. Sometimes we even use words or phrases the meanings of which we are totally clueless. As people with a passion for words and language, that is generally not viewed as a desirable trait. Yet, the plain fact is we can’t have a detailed understanding of every word or phrase...particularly when the word belongs to the jargon of a larger body of knowledge.
However, when that jargon is in use as often and frequently as the phrases “Gen X” or “Baby Boomer”, it seems especially important we have some reasonably good idea of what these terms actually mean. Although these phrases, as jargon, stem from the larger discipline of demographics, and are used most frequently by market researchers, the fact is everybody uses these words and phrases. In effect, these cue words or phrases for the subcomponents of society demarcated by age are not only useful, but are generally the language used by non-demographers and society as a whole when discussing the current spectrum of population cohorts.
Our goal, this month, then, is to provide a primer on the identification and description of the population cohorts in America as currently widely (but not universally) agreed upon by demographers and market researchers.
The Depression Era
Born: 1912-1921
Coming of Age: 1930-1939
Age in 2004: 83 to 92
Current Population: 11-12 million (and declining rapidly)
Depression era individuals tend to be conservative, compulsive savers, maintain low debt and use more secure financial products like CDs versus stocks. These individuals tend to feel a responsibility to leave a legacy to their children. Tend to be patriotic, oriented toward work before pleasure, respect for authority, have a sense of moral obligation.
World War II
Born: 1922 to 1927
Coming of Age: 1940-1945
Age in 2004: 77-82
Current Population: 11 million (in quickening decline)
People in this cohort shared in a common goal of defeating the Axis powers. There was an accepted sense of “deferment” among this group, contrasted with the emphasis on “me” in more recent (i.e. Gen X) cohorts.
Post-War Cohort
Born: 1928-1945
Coming of Age: 1946-1963
Age in 2004: 59 to 76
Current Population: 41 million (declining)
This generation had significant opportunities in jobs and education as the War ended and a post-war economic boom struck America. However, the growth in Cold War tensions, the potential for nuclear war and other never before seen threats led to levels of discomfort and uncertainty throughout the generation. Members of this group value security, comfort, and familiar, known activities and environments.
Boomers I or The Baby Boomers
Born: 1946-1954
Coming of Age: 1963-1972
Age in 2004: 50-58
Current Population: 33 million
For a long time the Baby Boomers were defined as those born between 1945 and 1964. That would make the generation huge (71 million) and encompass people who were 20 years apart in age. It didn’t compute to have those born in 1964 compared with those born in 1946. Life experiences were completely different. Attitudes, behaviors and society were vastly different. In effect, all the elements that help to define a cohort were violated by the broad span of years originally included in the concept of the Baby Boomers. The first Boomer segment is bounded by the Kennedy and Martin Luther King assassinations, the Civil Rights movements and the Vietnam War. Boomers I were in or protested the War. Boomers 2 or the Jones Generation missed the whole thing.
Boomers I had good economic opportunities and were largely optimistic about the potential for America and their own lives, the Vietnam War notwithstanding.
Boomers II or Generation Jones
Born: 1955-1965
Coming of Age: 1973-1983
Age in 2004: 39 to 49
Current Population: 49 million
This first post-Watergate generation lost much of its trust in government and optimistic views the Boomers I maintained. Economic struggles including the oil embargo of 1979 reinforced a sense of “I’m out for me” and narcissism and a focus on self-help and skepticism over media and institutions is representative of attitudes of this cohort. While Boomers I had Vietnam, Boomers II had AIDS as part of their rites of passage.
The youngest members of the Boomer II generation in fact did not have the benefits of the Boomer I class as many of the best jobs, opportunities, housing etc. were taken by the larger and earlier group. Both Gen X and Boomer II s suffer from this long shadow cast by Boomers I.
We often use phrases or words that we don’t fully understand. Sometimes we even use words or phrases the meanings of which we are totally clueless. As people with a passion for words and language, that is generally not viewed as a desirable trait. Yet, the plain fact is we can’t have a detailed understanding of every word or phrase...particularly when the word belongs to the jargon of a larger body of knowledge.
However, when that jargon is in use as often and frequently as the phrases “Gen X” or “Baby Boomer”, it seems especially important we have some reasonably good idea of what these terms actually mean. Although these phrases, as jargon, stem from the larger discipline of demographics, and are used most frequently by market researchers, the fact is everybody uses these words and phrases. In effect, these cue words or phrases for the subcomponents of society demarcated by age are not only useful, but are generally the language used by non-demographers and society as a whole when discussing the current spectrum of population cohorts.
Our goal, this month, then, is to provide a primer on the identification and description of the population cohorts in America as currently widely (but not universally) agreed upon by demographers and market researchers.
The Depression Era
Born: 1912-1921
Coming of Age: 1930-1939
Age in 2004: 83 to 92
Current Population: 11-12 million (and declining rapidly)
Depression era individuals tend to be conservative, compulsive savers, maintain low debt and use more secure financial products like CDs versus stocks. These individuals tend to feel a responsibility to leave a legacy to their children. Tend to be patriotic, oriented toward work before pleasure, respect for authority, have a sense of moral obligation.
World War II
Born: 1922 to 1927
Coming of Age: 1940-1945
Age in 2004: 77-82
Current Population: 11 million (in quickening decline)
People in this cohort shared in a common goal of defeating the Axis powers. There was an accepted sense of “deferment” among this group, contrasted with the emphasis on “me” in more recent (i.e. Gen X) cohorts.
Post-War Cohort
Born: 1928-1945
Coming of Age: 1946-1963
Age in 2004: 59 to 76
Current Population: 41 million (declining)
This generation had significant opportunities in jobs and education as the War ended and a post-war economic boom struck America. However, the growth in Cold War tensions, the potential for nuclear war and other never before seen threats led to levels of discomfort and uncertainty throughout the generation. Members of this group value security, comfort, and familiar, known activities and environments.
Boomers I or The Baby Boomers
Born: 1946-1954
Coming of Age: 1963-1972
Age in 2004: 50-58
Current Population: 33 million
For a long time the Baby Boomers were defined as those born between 1945 and 1964. That would make the generation huge (71 million) and encompass people who were 20 years apart in age. It didn’t compute to have those born in 1964 compared with those born in 1946. Life experiences were completely different. Attitudes, behaviors and society were vastly different. In effect, all the elements that help to define a cohort were violated by the broad span of years originally included in the concept of the Baby Boomers. The first Boomer segment is bounded by the Kennedy and Martin Luther King assassinations, the Civil Rights movements and the Vietnam War. Boomers I were in or protested the War. Boomers 2 or the Jones Generation missed the whole thing.
Boomers I had good economic opportunities and were largely optimistic about the potential for America and their own lives, the Vietnam War notwithstanding.
Boomers II or Generation Jones
Born: 1955-1965
Coming of Age: 1973-1983
Age in 2004: 39 to 49
Current Population: 49 million
This first post-Watergate generation lost much of its trust in government and optimistic views the Boomers I maintained. Economic struggles including the oil embargo of 1979 reinforced a sense of “I’m out for me” and narcissism and a focus on self-help and skepticism over media and institutions is representative of attitudes of this cohort. While Boomers I had Vietnam, Boomers II had AIDS as part of their rites of passage.
The youngest members of the Boomer II generation in fact did not have the benefits of the Boomer I class as many of the best jobs, opportunities, housing etc. were taken by the larger and earlier group. Both Gen X and Boomer II s suffer from this long shadow cast by Boomers I.
Generation X
Born: 1966-1976
Coming of Age: 1988-1994
Age in 2004: 28 to 38
Current Population: 41 million
Sometimes referred to as the “lost” generation, this was the first generation of “latchkey” kids, exposed to lots of daycare and divorce. Known as the generation with the lowest voting participation rate of any generation, Gen Xers were quoted by Newsweek as “the generation that dropped out without ever turning on the news or tuning in to the social issues around them.”
Gen X is often characterized by high levels of skepticism, “what’s in it for me” attitudes and a reputation for some of the worst music to ever gain popularity. Now, moving into adulthood William Morrow (Generations) cited the childhood divorce of many Gen Xers as “one of the most decisive experiences influencing how Gen Xers will shape their own families”.
Gen Xers are arguably the best educated generation with 29% obtaining a bachelor’s degree or higher (6% higher than the previous cohort). And, with that education and a growing maturity they are starting to form families with a higher level of caution and pragmatism than their parents demonstrated. Concerns run high over avoiding broken homes, kids growing up without a parent around and financial planning.
Born: 1977-1994
Coming of Age: 1998-2006
Age in 2004: 10 to 22
Current Population: 71 million
The largest cohort since the Baby Boomers, their high numbers reflect their births as that of their parent generation..the last of the Boomer Is and most of the Boomer II s. Gen Y kids are known as incredibly sophisticated, technology wise, immune to most traditional marketing and sales pitches...as they not only grew up with it all, they’ve seen it all and been exposed to it all since early childhood.
Gen Y members are much more racially and ethnically diverse and they are much more segmented as an audience aided by the rapid expansion in Cable TV channels, satellite radio, the Internet, e-zines, etc.
Gen Y are less brand loyal and the speed of the Internet has led the cohort to be similarly flexible and changing in its fashion, style consciousness and where and how it is communicated with.
Gen Y kids often raised in dual-income or single-parent families have been more involved in family purchases...everything from groceries to new cars. One in nine Gen Yers has a credit card co-signed by a parent.
Born: 1995-2012
Coming of Age: 2013-2020
Age in 2004: 0-9
Current Population: 23 million and growing rapidly
While we don’t know much about Gen Z yet...we know a lot about the environment they are growing up in. This highly diverse environment will make the grade schools of the next generation the most diverse ever. Higher levels of technology will make significant inroads in academics allowing for customized instruction, data mining of student histories to enable pinpoint diagnostics and remediation or accelerated achievement opportunities.
Gen Z kids will grow up with a highly sophisticated media and computer environment and will be more Internet savvy and expert than their Gen Y forerunners. More to come on Gen Z...stay tuned.
Next time we will start to take a more in-depth look at the most significant and impactful of the generational cohorts and what implications there might be for libraries and librarians.
No comments:
Post a Comment
เชิญแชร์ความคิดเห็นที่นี่ค่ะ