วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557
ใจ อึ๊งภากรณ์
ผมไม่เคยสนับสนุนประโยคในรัฐธรรมนูญไทยที่กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” และในการปฏิรูปการเมืองเพื่อประชาธิปไตยควรจะตัดออก อย่างน้อยก็เพื่อให้ “ชาวปาตานี” สามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ แต่โดยรวมแล้วผมไม่เคยหวงดินแดนรัฐชาติไทยแทนชนชั้นปกครอง เพราะประชาชนไทย 99% ไม่เคยเป็นเจ้าของดินแดนที่แท้จริงอันนี้ แม้แต่ที่ดินทำกินกับบ้านที่อยู่อาศัย ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เป็นเจ้าของด้วยซ้ำ และเราก็ไม่ต้องไปเชื่อประวัติศาสตร์ปลอมที่เสนอว่าวีรบุรุษคนใหญ่คนโตเคยปกป้องพรมแดนรัฐชาติไทยเพื่อส่วนรวม ยิ่งกว่านั้นพวกวีรบุรุษเหล่านั้นยังไปยึดพื้นที่ที่เคยเป็นชุมชนอื่น มาขึ้นกับกรุงเทพฯ อีกด้วย
ดังนั้นใครเสนอให้แบ่งแยกประเทศ ผมไม่แคร์เลย
ใจ อึ๊งภากรณ์
ผมไม่เคยสนับสนุนประโยคในรัฐธรรมนูญไทยที่กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” และในการปฏิรูปการเมืองเพื่อประชาธิปไตยควรจะตัดออก อย่างน้อยก็เพื่อให้ “ชาวปาตานี” สามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ แต่โดยรวมแล้วผมไม่เคยหวงดินแดนรัฐชาติไทยแทนชนชั้นปกครอง เพราะประชาชนไทย 99% ไม่เคยเป็นเจ้าของดินแดนที่แท้จริงอันนี้ แม้แต่ที่ดินทำกินกับบ้านที่อยู่อาศัย ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เป็นเจ้าของด้วยซ้ำ และเราก็ไม่ต้องไปเชื่อประวัติศาสตร์ปลอมที่เสนอว่าวีรบุรุษคนใหญ่คนโตเคยปกป้องพรมแดนรัฐชาติไทยเพื่อส่วนรวม ยิ่งกว่านั้นพวกวีรบุรุษเหล่านั้นยังไปยึดพื้นที่ที่เคยเป็นชุมชนอื่น มาขึ้นกับกรุงเทพฯ อีกด้วย
ดังนั้นใครเสนอให้แบ่งแยกประเทศ ผมไม่แคร์เลย
แต่ที่เราทุกคนที่รักประชาธิปไตยควรแคร์และหวงคือ ผลิตผลจากการทำงานของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะทรัพยากรดังกล่าวมาจากหยาดเหงื่อของผู้ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกรรมาชีพหรือเกษตรกร มันไม่ได้เกิดจากนายทุนในปัจจุบันหรือศักดินาในอดีต คนดังกล่าวเป็นเพียงคนที่ “ทำนาบนหลังคน” เท่านั้น
คำถามสำคัญที่เราควรตั้งกับเพื่อนๆ เสื้อแดง ที่อยากแบ่งประเทศ เพราะโกรธแค้น จากการลอยนวลของมารต้านประชาธิปไตย ทหารเผด็จการ และฝูงนักวิชาการกับแกนนำเอ็นจีโอ คือ เรื่องอะไรเราจะไปยกทรัพยากรมหาศาล ที่มาจากการทำงานของคนธรรมดา ให้พวกอำมาตย์?
ลองดูตัวเลขทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์มวลรวม แบ่งเป็นภาค ซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมนี้คือผลผลิตทั้งหมดที่มาจากการทำงานของประชาชน มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒๕๕๒ http://www.mtp.rmutt.ac.th/?p=2396 )
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 3,770,185 ล้านบาท
ภาคตะวันออกติดชายฝั่งอ่าวไทย 1,398,288 ล้านบาท
ภาคกลางส่วนกลาง 696,438 ล้านบาท
ภาคตะวันตก 396,909 ล้านบาท
ภาคใต้ 886,503 ล่านบาท
รวม 7,148,323 ล้านบาท
ภาคเหนือ 862,657 ล้านบาท
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,039,736 ล้านบาท
รวม 1,902,393 ล้านบาท
จะเห็นว่ากรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรม และศูนย์กลางภาคบริการ มีผลผลิตมากกว่าภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกือบสามเท่า และมันเป็นผลงานของผู้ทำงานในพื้นที่และผู้ที่ย้ายถิ่นจากภาคอื่นเพื่อหางานทำอีกด้วย
นอกจากนี้ภาคกลางและภาคตะวันออกมีท่าเรือ และอ่าวไทยมีก๊าซธรรมชาติ
ชนชั้นสำคัญกว่าภูมิศาสตร์ ถ้าแบ่งประเทศอย่างที่เสื้อแดงบางคนเสนอ ประเทศลานนากับตะวันออกเฉียงเหนือจะยากจนมาก แถมประชาชนจำนวนมากในกรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ที่รักประชาธิปไตยและเกลียดชังม็อบสุเทพ ก็จะตกเป็นทาสเผด็จการอีกด้วย
ไม่ครับ เราควรตั้งความหวังในอนาคต เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่ ให้ประชาชนคนทำงาน ทั้งกรรมาชีพและเกษตกร เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เราควรยึดทรัพยากรที่นายทุนใหญ่และทหารขโมยจากการทำงานของเรา เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการภายใต้คำขวัญ “ถ้วนหน้า-ครบวงจร-จากการเก็บภาษีก้าวหน้า”
เราควรปฏิรูประบบยุติธรรมแบบถอนรากถอนโคน ลดอำนาจทหาร ยุบองค์กรที่ไม่เคยอิสระ และเราควรสร้างมาตรฐานสิทธิเสรีภาพประชาธิไตย บนซากรัฐเผด็จการไทยต่างหาก
No comments:
Post a Comment
เชิญแชร์ความคิดเห็นที่นี่ค่ะ